แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำการเรี่ยไรตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องและสั่งไม่ริบเงินของกลางโดยไม่ฟังว่าได้มาจากการทำผิดนั้น โจทก์อุทธรณืเฉพาะให้ริบเงินของกลาง ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ริบเงินของกลางโดยถือว่าเป็นของได้มาจากการทำผิดไม่ได้เพราะเท่ากับเป็นการฟังข้อเท็จจริงใหม่ ผิดจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาตและให้ริบแผ่นป้าย เงินและเครื่องรางของขลังของกลางศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ป้ายกระดาษหนังสือเชิญชวนเป็นการแสดงเจตนาเรื่อไรตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พงศ. ๒๔๘๗ มาตรา ๔ ให้ริบ แต่จำเลยไม่รู้ไม่เห็นในการเชิญชวนให้บริจาคทรัพย์ ไม่ได้ดำเนินการเรี่ยไรเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินหรือแจกเครื่องรางให้แก่ผู้บริจาคไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ของกลางให้ริบเฉพาะป้ายกระดาษ นอกนั้นไม่ริบ
โจทก์อุทธรณืขอให้ริบเงินของกลางและเครื่องรางของขลัง
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาตรา ๒๒
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับ อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ข้อกฎหมาย และได้พิพากษาแก้ให้ริบเงินของกลาง โดยให้เหตุผลว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่ามีการเรี่ยไร โดยมิชอบด้วยกฎหมายและเงินของกลางก็ได้ความว่าได้จากการเรี่ยไรนี้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน และคดีนี้ศาลชั้นต้นได้ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่ได้ทำป้ายเรี่ยไร ไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย คือ จำเลยไม่ได้ทำการเรี่ยไรอันเป็นความผิด และศาลชั้นต้นไม่ฟังว่าเงินของกลางได้มาจากการเรี่ยไร ดังนี้ มีศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าเงินของกลางได้มาจากการเรี่ยไร จึงนอกเหนือเหลือเกินที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตร ๑๙๔ เพราะศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยและฟังว่าเงินของกลางได้มาจากการเรี่ยไร จึงจะริบเงินไม่ได้ ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น