แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซื้ออาวุธปืนก็เพื่อมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้น การมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนจึงเป็นผลหรือการกระทำต่อเนื่องจากการซื้ออาวุธปืนอันเป็นเจตนาเดิม จำเลยจึงมีความผิดฐานซื้ออาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่เพียงกรรมเดียว หาใช่เป็นความผิดแยกออกเป็น 3 กระทงไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้ออาวุธปืน มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยพาอาวุธปืนแก๊ปยาวไปในหมู่บ้าน และจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงหนู 1 นัดขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิฯประกอบมาตรา 90, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนมาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91 ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท ฐานพาไปในหมู่บ้าน จำคุก 6 เดือนปรับ 1,000 บาท รวม 2 กระทง จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก 9 เดือน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกรอไว้ 2 ปี ยกฟ้องข้อหาฐานซื้อและใช้อาวุธปืน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานซื้ออาวุธปืนและฐานใช้อาวุธปืนอีก 2 กระทง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาว่าความผิดฐานซื้ออาวุธปืน มีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง เป็นความผิดแยกออกได้เป็น 3 กระทงหรือไม่
ได้พิจารณาแล้ว ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องเป็นที่เห็นได้ว่าที่จำเลยซื้ออาวุธปืนก็เพื่อมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้น การมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนจึงเป็นผลหรือการกระทำต่อเนื่องจากการซื้ออาวุธปืนอันเป็นเจตนาเดิม จำเลยจึงมีความผิดฐานซื้ออาวุธปืนโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่เพียงกรรมเดียว หาใช่เป็นความผิดแยกออกเป็น 3 กระทงไม่
พิพากษายืน