คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงโสเภณีอายุ 17 ปีไปอยู่ในซ่องโสเภณีของจำเลย แล้วให้รับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่น เช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปกับจำเลยและตกลงยินยอมรับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่นต่อมาก็ตามก็ถือว่าจำเลยเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
ส่วนที่จำเลยกักตัวผู้เสียหายไว้ในห้อง ใส่กุญแจขังไว้ผู้เสียหายจะทำอะไรก็มีผู้ชายคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310อีกกระทงหนึ่งด้วย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพา นางลัดดา ศรีเจริญ อายุ ๑๗ ปีและนางสุบรรณ ดวงแก้ว อายุ ๑๗ ปี ไปเพื่อการอนาจาร และจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำให้ผู้เสียหายทั้งสองปราศจากเสรีภาพในร่างกายขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒,๒๘๓, ๓๑๐, ๘๓, ๙๑
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ ๑ เป็นธุระจัดหาล่อนางสุบรรณ กับนางลัดดา อายุยังไม่เกิน ๑๘ ปีไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒, ๓๑๐แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหาย จึงลงโทษตามมาตรา ๒๘๓ ไม่ได้ ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๒๘๒ ซึ่งเป็นกระทงหนักสำหรับจำเลยที่ ๒ ยังฟังไม่ถนัดว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ ๑พิพากษายกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ กับพวกพาผู้เสียหายไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของตนเอง กับจำเลยที่ ๑ ไม่ได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายทั้งสองพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าทุกข์ทั้งสองเป็นโสเภณี อายุ ๑๗ ปี และ ๑๘ ปี อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี จำเลยกับพวกตกลงว่าจ้างให้เจ้าทุกข์ทั้งสองออกไปนอนค้างคืนแล้วพาไปขึ้นรถยนต์โดยสารพาไปถึงจังหวัดร้อยเอ็ด ค้างคืนที่บ้านของจำเลยที่ ๑ซึ่งเป็นซ่องโสเภณี เช่นนี้แม้เจ้าทุกข์ทั้งสองจะสมัครใจมากับจำเลยและตกลงยินยอมรับจ้างร่วมประเวณีกับชายอื่น ต่อมาที่บ้านของจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าจำเลยเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน ๑๘ ปี จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๒
ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ได้กักตัวเจ้าทุกข์ไว้ในห้อง ใส่กุญแจขังไว้ตั้งแต่คืนแรกที่มาถึงรุ่งเช้าขึ้นเจ้าทุกข์ทั้งสองจะทำอะไรก็มีผู้ชายคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการที่ทำให้เจ้าทุกข์ทั้งสองปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐ อีกด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษนายประยูร คำมุกดาจำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share