คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8909/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยแล้ว หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยจะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ทั้งจะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลอีกด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 การที่จำเลยเพียงยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราว โดยที่ศาลยังมิได้อนุญาตให้ทุเลาการบังคับได้ จะถือว่าจำเลยได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลแล้วมิได้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องยกคำร้อง แม้จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดก็มิใช่กรณีทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ร่วมรับผิดต่อโจทก์
จำเลยทั้งแปดยื่นอุทธรณ์ พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกไปอีก ๓๐ วัน นับแต่วันยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๒ ต่อมาวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๒ จำเลยทั้งแปดยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมออกไปอีก ๒๐ วัน โดยอ้างเหตุว่าเจ้าหน้าที่ศาลกำหนดให้ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยทั้งแปดมาทราบคำสั่งศาลในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๒ แต่ในวันดังกล่าวไม่พบสำนวน ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยทั้งแปดจึงมาตรวจดูคำสั่งศาลที่การ์ดคำสั่งของศาลเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒ จึงทราบว่าล่วงเลยระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว โดยที่ทนายจำเลยทั้งแปดไม่อาจทราบได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เหตุที่อ้างตามคำร้องเป็นการละเลยที่จะขวนขวายขอทราบคำสั่งศาลไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ พร้อมทั้งสั่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งแปดว่า จำเลยทั้งแปดไม่นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลขยายให้ จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยทั้งแปดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ จึงให้ผู้อุทธรณ์นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด ๒๐ วัน ต่อมาจำเลยทั้งแปดนำเงินเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลภายในกำหนดเท่านั้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งแปดต่อไปว่า ผู้อุทธรณ์วางเงินเฉพาะค่าธรรมเนียมศาล ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลในกำหนด ให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยทั้งแปดทิ้งอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยทั้งแปดแล้ว หากจำเลยทั้งแปดประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยทั้งแปดจะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ทั้งจะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลอีกด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ การที่จำเลยทั้งแปดเพียงยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราว โดยที่ศาลยังมิได้อนุญาตให้ทุเลาการบังคับได้ จะถือว่าจำเลยทั้งแปดได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลแล้วดังที่จำเลยทั้งแปดฎีกามิได้ เมื่อจำเลยทั้งแปดไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งแปดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งแปดเสีย มิใช่กรณีทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยทั้งแปด.

Share