แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับการสั่งอาหารจากลูกค้าแล้วเข้าไปประกอบอาหารตามคำสั่ง จากนั้นจึงนำอาหารไปส่งให้แก่ลูกค้า ลักษณะการทำงานแสดงให้เห็นว่า จำเลยต้องปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่งเสียก่อนจึงจะนำอาหารไปส่งให้แก่ลูกค้า มิได้มีลักษณะเป็นการขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในสถานประกอบการค้าหรือแผงลอยให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าเป็นการค้าส่งหรือค้าปลีก จึงมิใช่เป็นการขายของหน้าร้านที่ห้ามคนต่างด้าวทำตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 6 ประกอบ พ.ร.ฎ.กำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 (6)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 81 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 4, 5, 6, 33 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 81 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 6, 33 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำคุก 1 เดือน และปรับ 2,000 บาท ฐานเป็นคนต่างด้าวทำงานในอาชีพหรือวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำคุก 3 เดือน และปรับ 6,000 บาท รวมจำคุก 4 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81 ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด เพียงกระทงเดียว ลดโทษหนึ่งในสี่ จำคุก 22 วัน และปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวทำงานในอาชีพหรือวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 6, 33 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการขายของหน้าร้าน ซึ่งเป็นงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 (6) หรือไม่ เห็นว่า งานขายของหน้าร้านตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีลักษณะเป็นงานที่ผู้ทำงานขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในสถานประกอบการค้าซึ่งอาจเป็นร้านค้าหรือแผงลอยให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าเป็นการค้าส่งหรือค้าปลีก คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยรับการสั่งอาหารจากพันตำรวจตรียิ่งรัตน์แล้วเข้าไปประกอบอาหารตามคำสั่งดังกล่าว จากนั้นจำเลยจึงนำอาหารไปให้พันตำรวจตรียิ่งรัตน์ ลักษณะการทำงานดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยต้องปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่งเสียก่อนจึงจะนำอาหารไปส่งให้แก่ลูกค้า มิได้มีลักษณะเป็นการขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในสถานประกอบการค้า การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการขายของหน้าร้าน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 และบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 (6) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน