คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9889/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ (ก) เมื่อระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2547 ถึง 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีน 30 แท่ง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย (ข) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่ อ. และ บ. ในราคา 2,100,000 บาท (ค) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่ อ. และ บ. ในราคา 2,100,000 บาท ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยกระทำความผิดสามกรรมต่างวาระกัน ซึ่งเป็นกรณีที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องเท่ากับจำเลยยอมรับแล้วว่าได้กระทำความผิดสามกรรมต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวไม่
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาโดยมิได้อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้องได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง ทั้งศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษายืนในส่วนนี้ การที่จำเลยฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 7 ริบเฮโรอีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง ตะกร้าแบบพลาสติกทรงสูงสีเขียว 1 ใบ และถุงพลาสติกแบบมีซิปปิดเปิดด้านบนเป็นลายทางสีเขียวสลับขาว-ดำ 1 ใบ ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (3), 66 วรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุเกือบยี่สิบปีบริบูรณ์ ถือว่าอยู่ในวัยที่ควรรู้ผิดชอบแล้วจึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมสองกระทงให้ลงโทษประหารชีวิตทั้งสองกระทง แต่เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่งแล้ว จึงไม่นำโทษประหารชีวิตในกระทงที่เหลืออีกสองกระทงมารวมด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเฮโรอีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย หมายเลข 0-9208-3672 ตะกร้าแบบพลาสติกทรงสูงสีเขียว และถุงพลาสติกแบบมีซิปปิดเปิดด้านบนลายทางสีเขียวสลับขาว-ดำ ของกลาง ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำความผิดขณะมีอายุไม่ถึง 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบมาตรา 52 (1) แล้ว ให้ลงโทษฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัม รวมสองกระทง ให้จำคุกตลอดชีวิตทั้งสองกระทง จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 แล้ว จำคุกกระทงละ 25 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลย 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวไม่ใช่ความผิดหลายกรรมนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ (ก) เมื่อระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2547 ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีน 30 แท่ง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย (ข) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่นายออดี้และนายบ๊อบบี้ในราคา 2,100,000 บาท (ค) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่นายออดี้และนายบ๊อบบี้ในราคา 2,100,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยกระทำความผิดสามกรรมต่างวาระกัน ซึ่งเป็นกรณีที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง เท่ากับจำเลยยอมรับแล้วว่าได้กระทำความผิดสามกรรมต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาต่อไปว่า คดีนี้มีการตกลงซื้อขายเฮโรอีน 30 แท่ง ในราคา 2,100,000 บาท แม้จะมีการส่งมอบเฮโรอีน 2 ครั้ง ก็ถือว่ามีเจตนาจำหน่ายครั้งเดียว จึงเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกรรมเดียวเท่านั้น จำเลยมิได้กระทำความผิดฐานร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา โดยมิได้อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้องได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง ทั้งศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษายืนในส่วนนี้ การที่จำเลยฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย…
พิพากษายืน

Share