แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องโดยระบุไว้ชัดเจนว่าจำเลยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และยอดเงินทุนหมุนเวียน 4,480,100 บาท เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการเล่นพนันและเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด และเมื่อศาลชั้นต้นสอบคำให้การ จำเลยได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12 พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12 พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83,91 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันและความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จำคุกกระทงละ 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 16 กระทง จำคุก 16 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงลายมือชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในทำนองว่า จำเลยไม่เคยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 100 ต่อวัน และยอดเงินทุนหมุนเวียนที่ปรากฏในสมุดเงินฝากธนาคารออมสิน 2 เล่ม และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 2 เล่ม จำนวน 4,480,100 บาท มิใช่เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพนันฟุตบอลหรือมาจากการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องโดยระบุไว้ชัดเจนว่าจำเลยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และยอดเงินทุนหมุนเวียน 4,480,100 บาท เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการเล่นพนันกันและเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและเมื่อศาลชั้นต้นสอบสวนคำให้การ จำเลยได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ในการเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศ การพนันสลากกินรวบและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยพร้อมยึดโพยทายผลการแข่งขันฟุตบอล 3 แผ่น โพยทายผลหนังสือสปอร์ตพูล 14 แผ่น จำนวนเงินรวม 546,000 บาท และโพยสลากกินรวบ 62 แผ่น จำนวนเงินรวม 118,290 บาท เป็นของกลาง ซึ่งโพยดังกล่าวปรากฏว่ามีผู้เล่นหลายรายและวงเงินที่เล่นมีจำนวนสูงอันแสดงว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันรายใหญ่ พฤติการณ์แห่งคดีจึงนับว่าร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว รวมทั้งมีเหตุผลความจำเป็นประการอื่น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย และที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 16 เดือน เป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษซึ่งเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน