แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เอกสารที่โจทก์แนบมาพร้อมฎีกา โดยมิได้ระบุไว้ในบัญชีพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 88 ศาลฎีกาไม่รับฟัง โจทก์จำเลยเป็นบุตร นาย ป. และนาง ช. ซึ่งสมรสกันก่อนใช้ ป.พ.พ. บรรพ 5 พ.ศ. 2477 นาย ป. ถึงแก่กรรมก่อน นาง ช.แม้ นาย ป. จะถึงแก่กรรมขณะที่ ป.พ.พ. บรรพ 5 พ.ศ. 2477 ใช้บังคับก็ตามแต่การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยามิใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรสนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 68 คือให้คืนสินเดิมแก่แต่ละฝ่าย ดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ นาง ช. มีมาก่อนสมรส อันเป็นสินเดิมของ นาง ช.จึงต้องคืนแก่นางช. ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียวย่อมมีสิทธิทำพินัยกรรมยกให้แก่จำเลยได้ พินัยกรรมในส่วนที่พิพาทจึงมีผลสมบูรณ์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า พินัยกรรมของนางช่วงที่ระบุยกที่ดิน ส.ค. 1 เลขที่ 257 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานี หมดทั้งแปลงให้แก่จำเลย มีความสมบูรณ์เพียง1 ใน 3 ส่วน ส่วนทรัพย์อีก 2 ใน 3 ส่วนของที่ดินเป็นโมฆะให้นำเอาทรัพย์ส่วนนั้นมาแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กัน
จำเลยให้การว่า โจทก์ จำเลยและนางสมบูรณ์เป็นบุตร นายเป้กับนางช่วง นายเป้ไม่มีสินส่วนตัว ส่วนนางช่วงมีสินส่วนตัวคือที่ดินที่ได้รับมรดกจากบิดาก่อนแต่งงาน ที่โจทก์ฟ้องว่า นายเป้กับนางช่วง ทำมาหาทรัพย์ได้ร่วมกัน คือที่ดิน ส.ค. 1 แปลงพิพาทนั้นไม่เป็นความจริง ที่ดินแปลงพิพาทเดิมเป็นของบิดานางช่วงเมื่อบิดานางช่วงถึงแก่กรรมไปในปี พ.ศ. 2471 นางช่วงได้เข้าครอบครองทำประโยชน์แทนในฐานะทายาทผู้รับมรดกและได้ไปแจ้งแสดงสิทธิการครอบครองเมื่อเดือนมีนาคม 2498 ที่ดินแปลงพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของนางช่วง นางช่วงย่อมมีสิทธิและอำนาจที่จะทำพินัยกรรมยกให้จำเลย พินัยกรรมของนางช่วงจึงสมบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะบางส่วนตามฟ้องของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาคม 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า นายเป้ นางช่วง นวลจันทร์ ได้แต่งงานและอยู่กินด้วยกันมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 พ.ศ. 2477 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ่คือ นางสมบูรณ์ นวลจันทร์ โจทก์ และจำเลยนางช่วงมารดาโจทก์จำเลยถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2529นายเป้ถึงแก่กรรมก่อนนางช่วง นางสมบูรณ์ถึงแก่กรรมหลังนางช่วงปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า นางช่วงผู้ตายมีสิทธิทำพินัยกรรมยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยหรือไม่…” การที่โจทก์อ้างเอกสารใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่มาพร้อมฎีกานั้นเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ศาลฎีกาไม่รับฟัง…เชื่อได้ว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์ของนางช่วงมีมาก่อนที่นางช่วงแต่งงานกับนายเป้ จึงเป็นสินเดิมของนางช่วงเมื่อนายเป้และนางช่วงสมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5พ.ศ. 2477 แม้นายเป้จะถึงแก่กรรมขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 พ.ศ. 2477 ใช้บังคับก็ตาม แต่การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยามิใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรสนั้นดังนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 68 คือให้คืนสินเดิมแก่แต่ละฝ่าย นางช่วงซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทแต่ผู้เดียวย่อมมีสิทธิทำพิพนัยกรรมยกให้แก่จำเลยได้ พินัยกรรมในส่วนที่พิพาทจึงมีผลสมบูรณ์…”
พิพากษายืน.