แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) สำหรับที่ดินกับที่ดินพิพาทหรือสิทธิครอบครองในที่ดินถือเป็นคนละส่วนกัน เห็นได้จากการที่โจทก์สามารถขอให้ทางราชการออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ให้ใหม่ได้ แต่สิทธิครอบครองเป็นลักษณะอาการทางกฎหมายอย่างหนึ่งซึ่งจะได้มาก็ต้องด้วยเจตนายึดถือทรัพย์สินหรือที่ดินพิพาทไว้เพื่อตนเองเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367 การที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) คืนจากจำเลยและศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) แก่โจทก์ จึงไม่เกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินอันจำเลยได้ยึดถือตัวทรัพย์ไว้หรืออาจยึดถือตัวทรัพย์ไว้เพื่อตน ซึ่งโจทก์จะต้องไปดำเนินการในเรื่องถูกแย่งการครอบครองและฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเป็นอีกกรณีหนึ่งต่างหาก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 กรณียังไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกที่ดินพิพาทคืนจากการครอบครองของจำเลยแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1663 ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิรื้อถอนเอง โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน และให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นเงิน 222,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 6,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินดังกล่าวเสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า สิทธิในการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินพิพาทของโจทก์ได้ระงับสิ้นไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) สำหรับที่ดินกับที่ดินพิพาทหรือสิทธิครอบครองในที่ดิน ถือเป็นคนละส่วนกัน ดังจะเห็นได้จากการที่โจทก์สามารถขอให้ทางราชการออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ให้ใหม่ได้ แต่สิทธิครอบครองเป็นลักษณะอาการทางกฎหมายอย่างหนึ่งซึ่งจะได้มาก็ต้องด้วยเจตนายึดถือทรัพย์สินหรือที่ดินพิพาทไว้เพื่อตนเองเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367 ดังนั้น การที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) แก่โจทก์จึงไม่เกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินอันจำเลยได้ยึดถือตัวทรัพย์ไว้หรืออาจยึดถือตัวทรัพย์ไว้เพื่อตน ซึ่งโจทก์จะต้องไปดำเนินการในเรื่องถูกแย่งการครอบครองและฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเป็นอีกกรณีหนึ่งต่างหาก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 ดังนี้ จึงยังไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกที่ดินพิพาทคืนจากการครอบครองของจำเลยแล้ว และโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเกินกว่า 1 ปี แล้วหรือไม่ก็ตามด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.