คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8988/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 3 ไม่ได้มีส่วนในการเจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้ร้อยตำรวจเอก พ. โดยตรงก็ตามแต่การที่จำเลยที่ 3 นำเมทแอมเฟตามีนไปมอบให้แก่จำเลยที่ 2 และยังคงรออยู่ในที่เกิดเหตุจนกระทั่งถูกจับกุมนั้น น่าเชื่อว่าเป็นเพราะคอยรับเงินจากการจำหน่ายตามคำเบิกความของพลตำรวจ อ. การกระทำของจำเลยที่ 3เป็นการแบ่งแยกหน้าที่ในการครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนไปยังที่เกิดเหตุ ส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 นำไปส่งมอบให้ร้อยตำรวจเอก พ.ผู้ล่อซื้ออีกต่อหนึ่งจำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 12, 18, 62, 81 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยทั้งสามขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นปฏิเสธ เฉพาะจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ต่อมาจำเลยที่ 2ให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง,66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 2มีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,81 อีกสองกระทงด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียว ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 40 ปี และลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน ฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 40 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 26 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 20 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1และที่ 3 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ ปัญจประทีป และพลตำรวจเอกชัย บัวใหญ่เบิกความเป็นพยานในทำนองเดียวกันว่า ก่อนเกิดเหตุคือวันที่ 13 พฤษภาคม2540 เวลาประมาณ 10 นาฬิกา ได้มีสายลับไปแจ้งต่อร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ว่ามีหญิงชื่อนางจิ๋มลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอยู่บริเวณวัดลาดพร้าวร้อยตำรวจเอกไพโรจน์จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติเบิกเงินล่อซื้อและวางแผนจับกุม โดยร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อยาเสพติดส่วนพลตำรวจเอกชัยเป็นผู้ติดตาม ในวันดังกล่าวร้อยตำรวจเอกไพโรจน์กับพลตำรวจเอกชัยและสายลับได้พากันไปเจรจาซื้อเมทแอมเฟตามีนจากกลุ่มของนางจิ๋มตามที่สายลับติดต่อไว้ โดยไปจอดรถที่ลานจอดรถวัดลาดพร้าว สายลับไปพบนางจิ๋มที่แฟลตภาวนาซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับวัดลาดพร้าว จากนั้นได้พานางจิ๋มมาพบร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ที่ลานจอดรถ ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์เจรจาขอซื้อเมทแอมเฟตามีน ซึ่งนางจิ๋มตกลงจะจำหน่ายให้จำนวน 60 ถุงในราคาถุงละ 15,000 บาท และนัดส่งมอบในวันรุ่งขึ้นที่แฟลตภาวนาเวลา13 นาฬิกา ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม 2540 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์กับพลตำรวจเอกชัยและสายลับได้พากันไปที่แฟลตภาวนาโดยใช้รถยนต์เก๋งของร้อยตำรวจเอกไพโรจน์เป็นพาหนะสายลับขึ้นไปบนแฟลตและนำนางจิ๋ม จำเลยที่ 1 และที่ 2 ลงมาพบร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ซึ่งคอยอยู่ที่รถยนต์ จำเลยที่ 2 ขอเปลี่ยนสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนใหม่เป็นที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี โดยให้ไปรับของเวลา 15 นาฬิกา ขณะที่นางจิ๋มกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กลับขึ้นไปบนแฟลตภาวนา ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ได้วิทยุแจ้งให้ร้อยตำรวจโทโยธิน ทิพย์สุข กับพวก ซึ่งซุ่มคอยจับกุมอยู่ในบริเวณดังกล่าว ทราบถึงสถานที่และเวลาที่นัดส่งมอบเมทแอมเฟตามีนใหม่ ต่อมาร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ พลตำรวจเอกชัย จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้พากันไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยรถยนต์ของร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ ระหว่างทางจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอดูเงินที่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์เตรียมไว้ล่อซื้อ ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์นำเงินซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดูจนเป็นที่พอใจ พลตำรวจเอกชัยซึ่งเป็นคนขับรถได้จอดรถไว้ที่ลานจอดรถชั้นที่ 2 จากนั้นพลตำรวจเอกชัยพร้อมด้วยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นศูนย์ขายอาหาร ส่วนร้อยตำรวจเอกไพโรจน์คอยอยู่ในรระหว่างทางไปที่ศูนย์ขายอาหาร พลตำรวจเอกชัยได้พบสายลับซึ่งแยกเดินทางมาต่างหากจึงร่วมไปที่ศูนย์ขายอาหารด้วยกัน เมื่อเข้าไปในบริเวณศูนย์ขายอาหารพบจำเลยที่ 3 กับนายยี่หรือแสงนั่งรับประทานอาหารอยู่จำเลยที่ 2 ได้เข้าไปพูดคุยกับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ได้ส่งถุงกระดาษของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในถุงให้แก่จำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 นายยี่หรือแสงสายลับและพลตำรวจเอกชัยได้พากันไปพบร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ซึ่งรออยู่ที่รถเมื่อไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ส่งถุงกระดาษซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์จึงส่งสัญญาณให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มอยู่เข้ามาจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายยี่หรือแสง จากนั้นพลตำรวจเอกชัยได้นำเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปจับกุมจำเลยที่ 3 ขณะที่ยังนั่งอยู่ในร้านอาหารภายในศูนย์ขายอาหารของห้างสรรพสินค้าเพื่อรอรับเงิน คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวสอดคล้องต่อเนื่องกันในสาระสำคัญนับตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุที่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มของนางจิ๋มลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ จนกระทั่งมีการล่อซื้อและจับกุมจำเลยทั้งสามกับนายยี่หรือแสงได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 6,000 เม็ด นอกจากนี้ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต่างให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนว่าได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อจริงตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 และบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย ป.จ.1และ ป.จ.3 บันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมได้แจ้งข้อหาต่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในทันทีที่เข้าจับกุม และพนักงานสอบสวนได้สอบถามคำให้การจำเลยที่ 1 และที่ 3ในวันเดียวกันนั้นเอง น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจตามความเป็นจริง จึงเชื่อว่าร้อยตำรวจเอกไพโรจน์และพลตำรวจเอกชัยได้เบิกความตามความเป็นจริง พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1ร่วมกับนางจิ๋มและจำเลยที่ 2 มาพบร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ในเรื่องนัดหมายส่งมอบเมทแอมเฟตามีนที่ลานจอดรถแฟลตภาวนา แล้วขอเปลี่ยนแปลงสถานที่กับเวลานัดหมายส่งมอบเมทแอมเฟตามีนใหม่เป็นที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เวลา 15 นาฬิกา และในระหว่างการเดินทางไปยังที่นัดหมายแห่งใหม่ จำเลยที่ 1 ก็ยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ขอดูเงินและตรวจสอบจำนวนเงินซึ่งร้อยตำรวจเอกไพโรน์เตรียมไว้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางอีกทั้งจำเลยที่ 1 ยังได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 เข้าไปที่ศูนย์ขายอาหารในห้างสรรพสินค้ารับเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 3 ซึ่งมาคอยอยู่ก่อนแล้วนำไปส่งมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ซึ่งเป็นผู้ล่อซื้ออีกด้วย การกระทำของจำเลยที่ 1ดังกล่าวรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ผู้ล่อซื้อ มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่จำเลยที่ 1 อ้างแต่อย่างใด ส่วนจำเลยที่ 3 แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้มีส่วนในการเจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์โดยตรงก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 3 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปมอบให้แก่จำเลยที่ 2 และยังคงรออยู่ที่ศูนย์ขายอาหารในที่เกิดเหตุจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนั้น ก็น่าเชื่อว่าเป็นเพราะจำเลยที่ 3 คอยรับเงินจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่พลตำรวจเอกชัยเบิกความนั่นเอง การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการแบ่งแยกหน้าที่ในการครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลาง โดยจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปยังที่เกิดเหตุ ส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 นำไปส่งมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ผู้ล่อซื้ออีกต่อหนึ่งจำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่ผู้ล่อซื้อด้วย ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า พลตำรวจเอกชัยเบิกความขัดแย้งกับคำเบิกความของร้อยตำรวจโทโยธินเกี่ยวกับการเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วานของสายลับ โดยพลตำรวจเอกชัยเบิกความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ และพลตำรวจเอกชัยเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วานด้วยรถยนต์เก๋งของร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ ส่วนสายลับแยกเดินทางไปต่างหาก แต่ร้อยตำรวจโทโยธินเบิกความว่าขณะที่ซุ่มอยู่ที่ลานจอดรถชั้นที่ 2 ของห้างสรรพสินค้าดังกล่าวเห็นสายลับลงจากรถยนต์เก๋งของร้อยตำรวจเอกไพโรจน์พร้อม ๆ กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และพลตำรวจเอกชัยนั้น เห็นว่า พลตำรวจเอกชัยและร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานโดยตรงและรู้เห็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันโดยตลอดต่างเบิกความตรงกันว่าสายลับไม่ได้ร่วมเดินทางไปในที่เกิดเหตุในรถยนต์คันเดียวกันกับพยานทั้งสองและจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยสายลับได้แยกไปต่างหาก พลตำรวจเอกชัยเพิ่งจะพบกับสายลับในที่เกิดเหตุขณะที่พลตำรวจเอกชัยกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กำลังเดินไปที่ศูนย์ขายอาหารชั้นที่ 1 และสายลับได้ร่วมไปที่ศูนย์ขายอาหารตลอดจนกลับไปที่ลานจอดรถขณะที่จำเลยที่ 2 นำเอาเมทแอมเฟตามีนของกลางไปมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ด้วย นอกจากนี้ก็ปรากฏว่าในชั้นสอบสวนร้อยตำรวจโทโยธินก็ได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนตามบันทึกคำให้การเอกสารหมายจ.3 ว่า ขณะที่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ พลตำรวจเอกชัย จำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกไปจากลานจอดรถแฟลตภาวนาไปยังที่เกิดเหตุนั้นสายลับได้แยกไปต่างหาก ฉะนั้น จึงน่าเชื่อว่าจากข้อเท็จจริงที่สายลับได้ไปยังที่เกิดเหตุและอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ร้อยตำรวจโทโยธินเข้าจับกุมจำเลยทั้งสาม ประกอบกับร้อยตำรวจโทโยธินได้มาเบิกความเป็นพยานภายหลังจากเกิดเหตุเป็นเวลานานจึงอาจทำให้ร้อยตำรวจโทโยธินสับสนเบิกความผิดพลาดไปบ้าง คำเบิกความของร้อยตำรวจโทโยธินดังกล่าวไม่ทำให้คำเบิกความของพลตำรวจเอกชัยขาดน้ำหนักความน่าเชื่อแต่อย่างใด และที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า จำเลยที่ 3ลงชื่อในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 และบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย ป.จ.3 โดยถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับและไม่ได้อ่านให้ฟังนั้นจำเลยที่ 3 ก็เพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share