แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบในคำโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ต้องถือว่าเจ้าหนี้ทุกคนได้ทราบประกาศแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบอีกชั้นหนึ่ง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าคดีนี้ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 20ธันวาคม 2526 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้ทราบทั่วกันในหนังสือพิมพ์รายวัน’สายกลาง’ ฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2527 และในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 101 ตอนที่ 22 หน้า 521 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527พร้อมทั้งแจ้งให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสียภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันประกาศโฆษณาดังกล่าว แต่โจทก์เพิ่งจะมายื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2527 ซึ่งเกินกำหนดระยะเวลา 2 เดือน ตามที่กฎหมายบัญญัติ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์คดีมีปัญหาว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เช่นนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบ จะถือว่าเมื่อประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาแล้วโจทก์ย่อมทราบได้เองเป็นการไม่ชอบ ทั้งกรณีเช่นนี้พอเทียบเคียงได้กับคำฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งซึ่งหมายเรียกของศาลตามแบบพิมพ์เบอร์ 13 ยังต้องแจ้งให้จำเลยทราบว่าให้ทำคำให้การแก้คดียื่นต่อศาลภายใน 8 วัน ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้ปฏิบัติดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นเกินกำหนดระยะเวลาในกฎหมายอันจะทำให้โจทก์เสียสิทธิในการขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 91ที่กำหนดให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียภายในเวลา2 เดือนนั้น กฎหมายระบุไว้ชัดว่าให้นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นต้นไป และมาตรา 28 วรรค 2 ได้บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบในคำโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังกล่าว ดังนี้ต้องถือว่าเจ้าหนี้ทุกคนได้ทราบประกาศแล้ว การที่โจทก์เถียงว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบอีกชั้นหนึ่งจึงฟังไม่ขึ้น และกรณีเช่นนี้จะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาอนุโลมใช้โดยอาศัยมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ก็ไม่อาจกระทำได้ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ความสำคัญผิดของโจทก์ในข้อกฎหมายก็ดี ตลอดจนข้ออ้างว่าไม่ทราบประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวก็ดี ล้วนเป็นความบกพร่องของโจทก์เองทั้งสิ้น โจทก์จะอ้างมาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้ล่วงเลยระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นเด็ดขาดแล้วหาได้ไม่’
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.