แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายไปเก็บไว้ที่บ้านมารดา เมื่อสายลับประสงค์จะซื้อจำเลยก็ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปเอาเมทแอมเฟตามีนที่บ้านมารดามาจำหน่ายให้แก่สายลับ ถือได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยตรง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่พึงต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2543 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 82 เม็ด น้ำหนัก 7.28 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวบางส่วนจำนวน 10 เม็ด น้ำหนัก 0.94 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 450 บาท และจำเลยยังได้เสพเมทแอมเฟตามีนโดยการสูดดมเอาไอระเหยเข้าสู่ร่างกาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102ริบของกลาง บวกโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 880/2543 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3848/2543ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษและนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 66 วรรคหนึ่ง, 91 ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก12 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 ปี 3 เดือน บวกโทษจำคุกในคดีที่รอการลงโทษไว้อีก 9 เดือน เป็นจำคุก 6 ปี 12 เดือน นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3848/2543 ของศาลชั้นต้น ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และอุปกรณ์ในการเสพเมทแอมเฟตามีนของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง และจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปเอาเมทแอมเฟตามีนที่ซ่อนไว้ที่บ้านมารดาจำเลยมาจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษที่จำเลยมีไว้ เพื่อจำหน่ายไปเก็บไว้ที่บ้านมารดา เมื่อสายลับประสงค์จะซื้อจำเลยก็ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปเอาเมทแอมเฟตามีนที่บ้านมารดามาจำหน่ายให้แก่สายลับ เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยตรง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่พึงต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 102 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน