คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ และวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่ามีข้อตกลงตามที่โจทก์อ้าง กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์เพราะทำผิดข้อตกลงดังกล่าว เท่ากับศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าเพราะทำผิดข้อตกลงตามที่โจทก์อ้างหรือไม่ จึงเป็นการกำหนดประเด็นข้อพิพาทนอกเหนือจากคำฟ้องและคำให้การ คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ไม่อาจถือว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น เมื่อโจทก์ยกปัญหานี้ขึ้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีกว่ากรณีรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้ต่อโจทก์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่ชอบ การที่โจทก์ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาอีกจึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า… โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าอาคารโอภาสวานิชของจำเลยเพื่อดำเนินธุรกิจค้าขาย… จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนทำสัญญาเช่าว่าจะขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยซึ่งตั้งปิดหน้าอาคารที่เช่า… จำเลยได้นำคนงานมาตัดกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในอาคารที่เช่าทำให้โจทก์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจค้าขายต่อไปได้ โจทก์ ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๓๗,๓๘๗,๓๒๐ บาท (ที่ถูก ๓๗,๓๘๗,๒๗๖.๓๔ บาท) พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยไม่มีข้อตกลงให้จำเลยขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยให้พ้นไปจากหน้าอาคารที่เช่า… โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดย ไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาประการแรกว่า มีข้อตกลงด้วยวาจาก่อนทำสัญญาเช่าว่าจำเลยจะต้องขับไล่แม่ค้า หาบเร่แผงลอยซึ่งตั้งขายอยู่ที่หน้าอาคารที่โจทก์เช่า แต่ที่ไม่ระบุไว้ในสัญญาเช่าซึ่งโจทก์ทำกับจำเลย เพราะเชื่อใจกันนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้อง โจทก์มิได้อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเพราะไม่ขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยออกไปจากหน้าอาคาร ที่โจทก์เช่าจากจำเลยตามข้อตกลงแต่อย่างใด โจทก์บรรยายคำฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ตกลง กันไว้ก่อนทำสัญญาเช่าว่าจำเลยจะต้องขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยซึ่งตั้งปิดหน้าอาคารที่เช่า ทำให้เกิดความไม่สวยงามและกีดขวางทางเข้าออกอาคารที่เช่า โจทก์ขอให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติเท่านั้น โดยโจทก์หาได้บรรยายคำฟ้องให้เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวคู่สัญญาตกลงให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่า หากจำเลยปฏิบัติผิดข้อตกลง ดังกล่าวถือว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าและจะต้องรับผิดต่อโจทก์อย่างไร โจทก์กลับบรรยายคำฟ้องต่อไปว่า เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๐ จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยตัดกระแสไฟฟ้าซึ่งใช้ในอาคารที่โจทก์เช่าจากจำเลย ทำให้จำเลย ได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง เป็นเงินเท่าไร และคำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดดังกล่าว มิได้เรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาเช่าแต่อย่างใด และตามคำให้การจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าจำเลยมิได้มีข้อตกลงดังโจทก์อ้าง ดังนั้นตามคำฟ้องและคำให้การจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ และวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่ามีข้อตกลงตามที่โจทก์อ้าง กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับโจทก์เพราะทำผิดข้อตกลงดังกล่าว เท่ากับศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าเพราะทำผิดข้อตกลงตามที่โจทก์อ้างหรือไม่ จึงเป็นการกำหนดประเด็นข้อพิพาทนอกเหนือจากคำฟ้องและคำให้การ คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ไม่อาจถือว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น เมื่อโจทก์ยกปัญหานี้ขึ้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีกว่ากรณีรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้ต่อโจทก์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึง ไม่ชอบ การที่โจทก์ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาอีก จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้…
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share