แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2555 แบ่งการดำเนินการเลือกตั้งออกเป็นสองขั้นตอน คือขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกับขั้นตอนตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้ง กล่าวคือขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกำหนดไว้ในหมวดที่ 2 คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมวดที่ 3 การยื่นใบสมัครรับการเลือกตั้ง และหมวดที่ 4 หลักฐานการสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนขั้นตอนตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งกำหนดไว้ในหมวดที่ 5 การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หมวดที่ 6 การนับคะแนนและการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และหมวดที่ 7 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่าขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคือขั้นตอนการรับสมัครเลือกตั้งนั่นเอง ซึ่งขั้นตอนนี้หากคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยไม่รับสมัครบุคคลใดก็ย่อมกระทบสิทธิเฉพาะบุคคลนั้นและผู้ถูกกระทบสิทธิอาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งรับสมัครตนได้เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการลงคะแนนต่อไป แต่การไม่รับสมัครเลือกตั้งหาได้กระทบถึงขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น แม้การไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองจะเป็นการไม่ชอบด้วยข้อบังคับและระเบียบของจำเลย แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2555 หรือกฎหมาย จึงหามีผลให้การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยชุดที่ 5 ปี 2555 ถึงปี 2558 ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย ส่วนการที่จำเลยไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองอย่างไร โจทก์ทั้งสองชอบที่จะไปว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันโดยเรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ชุดที่ 5 ปี 2555 ถึงปี 2558 และเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2554 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ในส่วนที่รับรองผลการเลือกตั้งกรรมการบริหารของจำเลย
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยเพียงประการเดียวว่า คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบหรือไม่ เห็นว่า ในเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งของโจทก์ทั้งสองนั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญของจำเลยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ให้โจทก์ทั้งสองออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยและให้ถือว่าโจทก์ทั้งสองไม่เคยพ้นสถานภาพการเป็นสมาชิกของจำเลยจากมติดังกล่าว คำพิพากษาศาลแรงงานกลางย่อมผูกพันจำเลยนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาจนถึงวันที่คำพิพากษานั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสียแม้จำเลยจะอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวแต่ตราบใดที่ศาลฎีกายังมิได้มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย โจทก์ทั้งสองก็ยังคงมีสถานภาพเป็นสมาชิกของจำเลยมีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งได้ตามระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2555 ข้อ 8.1 ที่กำหนดว่าคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกจำเลยโดยสมบูรณ์ตามข้อบังคับจำเลยไม่น้อยกว่า 1 ปี หาใช่โจทก์ทั้งสองไม่มีสถานภาพเป็นสมาชิกของจำเลยหรือสถานภาพการเป็นสมาชิกของโจทก์ทั้งสองไม่สมบูรณ์ดังที่จำเลยอ้างมาเป็นข้อปฏิเสธไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสอง การที่จำเลยปฏิเสธไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยข้อ 12 (2) ที่กำหนดว่า สมาชิกมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการ สำหรับปัญหาว่าการที่จำเลยปฏิเสธไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองโดยไม่ชอบด้วยข้อบังคับและระเบียบของจำเลยดังกล่าวมีผลให้กระบวนการเลือกตั้งไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่ต้นหรือไม่นั้น เห็นว่า ตามระเบียบ ว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2555 แบ่งการดำเนินการเลือกตั้งออกเป็นสองขั้นตอน คือขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกับขั้นตอนตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งกล่าวคือขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกำหนดไว้ในหมวดที่ 2 คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมวดที่ 3 การยื่นใบสมัครรับการเลือกตั้ง และหมวดที่ 4 หลักฐานการสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนขั้นตอนตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งกำหนดไว้ในหมวดที่ 5 การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หมวดที่ 6 การนับคะแนนและการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและหมวดที่ 7 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่าขั้นตอนก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคือขั้นตอนการรับสมัครเลือกตั้งนั่นเอง ซึ่งขั้นตอนนี้หากคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยไม่รับสมัครบุคคลใดก็ย่อมกระทบสิทธิเฉพาะบุคคลนั้น และผู้ถูกกระทบสิทธิอาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งรับสมัครตนได้เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการลงคะแนนต่อไป แต่การไม่รับสมัครเลือกตั้งหาได้กระทบถึงขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น แม้การไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองจะเป็นการไม่ชอบด้วยข้อบังคับและระเบียบของจำเลย แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจนประกาศผลการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยพ.ศ.2555 หรือกฎหมาย จึงหามีผลให้การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทยชุดที่ 5 ปี 2555 ถึงปี 2558 ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยดังที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ไม่ ส่วนการที่จำเลยไม่รับสมัครโจทก์ทั้งสองก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองอย่างไร โจทก์ทั้งสองชอบที่จะไปว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่งโจทก์ทั้งสองไม่อาจขอให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทยชุดที่ 5 ปี 2555 ถึงปี 2558 และเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ประจำปี 2554 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ในส่วนที่รับรองผลการเลือกตั้งกรรมการบริหารของจำเลยได้ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน