แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระและขอให้ปฏิบัติตามสัญญาให้ทรัพย์สิน อำนาจปกครองบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร และค่าอุปการะเลี้ยงดู ส่วนจำเลยให้การว่า สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆียะ เนื่องจากจำเลยถูกข่มขู่ให้ทำสัญญาและได้บอกเลิกสัญญาแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรผู้เยาว์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร ขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์ตามสัญญาคืนแก่ผู้ให้เช่าซื้อและคืนสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาให้แก่จำเลยนั้น เป็นกรณีที่ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องความสมบูรณ์แห่งนิติกรรม ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ 1 ลักษณะ 4 ว่าด้วยนิติกรรม แม้ข้อตกลงในสัญญาจะเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่จำเลยมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามี บิดามารดาและบุตรตาม ป.พ.พ. บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัว ข้อพิพาทตามคำฟ้องจึงเป็นกรณีขอให้บังคับชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ หรือให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาให้ทรัพย์สินฯ และค่าอุปการะเลี้ยงดูเพื่อประสงค์จะระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กันระหว่างสามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอันมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับตามป.พ.พ. บรรพ 2 ลักษณะ 1 ว่าด้วยหนี้ และบรรพ 3 ลักษณะ 17 ว่าด้วยประนีประนอมยอมความ สำหรับฟ้องแย้งของจำเลยก็เป็นฟ้องที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาให้ทรัพย์สินฯ ตามฟ้อง ซึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่ง ป.พ.พ. บรรพ 5 เช่นกัน ฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจึงไม่ใช่คดีครอบครัว ตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยแต่งงานตามประเพณีไทยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรร่วมกัน 1 คน ชื่อเด็กหญิง ว. ต่อมาโจทก์กับจำเลยเลิกร้างกันเนื่องจากไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ และได้ทำสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินและการปกครองบุตรไว้ตามสัญญาให้ทรัพย์สิน อำนาจปกครองบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและค่าอุปการะเลี้ยงดู แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายังค้างชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ ค่าเล่าเรียนบุตรและหนี้ที่จำเลยรับว่าจะชำระแทนโจทก์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,394,521 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี เนื่องจากมูลเหตุแห่งคดีเป็นเรื่องผิดสัญญาให้ทรัพย์สินและเรียกค่าสินไหมทดแทน สัญญาให้ทรัพย์สินท้ายคำฟ้องเป็นโมฆียะ เพราะขณะทำสัญญาจำเลยถูกโจทก์ข่มขู่และจำเลยบอกเลิกสัญญาอันเป็นโมฆียะกรรมแล้ว สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยมิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรจึงไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดู ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม รถยนต์ทรัพย์รายที่ 6 ตามสัญญาให้ทรัพย์สินฯ เอกสารท้ายฟ้อง โจทก์เป็นผู้ครอบครอง เมื่อสัญญาให้ทรัพย์สินตกเป็นโมฆะ จึงขอให้บังคับโจทก์คืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่ผู้ให้เช่าซื้อ และคืนสิ่งปลูกสร้างในสัญญาข้อ 1 และ 2 แก่จำเลย หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามขอถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ในชั้นตรวจคำให้การ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานีเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 11
วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระและขอให้ปฏิบัติตามสัญญาให้ทรัพย์สิน ฯ ส่วนจำเลยให้การว่า สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆียะ เนื่องจากจำเลยถูกข่มขู่ให้ทำสัญญาและได้บอกเลิกสัญญาแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรผู้เยาว์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตร ขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์ตามสัญญาคืนแก่ผู้ให้เช่าซื้อและคืนสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาให้แก่จำเลยนั้น เป็นกรณีที่ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องความสมบูรณ์แห่งนิติกรรม ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1 ลักษณะ 4 ว่าด้วยนิติกรรม แม้ข้อตกลงในสัญญาจะเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่จำเลยมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภริยา บิดามารดาและบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัว ข้อพิพาทตามคำฟ้องจึงเป็นกรณีขอให้บังคับชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ หรือให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาให้ทรัพย์สินฯ และค่าอุปการะเลี้ยงดูเพื่อประสงค์จะระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กันระหว่างสามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอันมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 ลักษณะ 1 ว่าด้วยหนี้และบรรพ 3 ลักษณะ 17 ว่าด้วยประนีประนอมยอมความ สำหรับฟ้องแย้งของจำเลยก็เป็นฟ้องที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาให้ทรัพย์สินฯ ตามฟ้องซึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เช่นกัน ฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจึงไม่ใช่คดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ 14 เดือน ธันวาคม พุทธศักราช 2558
(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์
(นายดิเรก อิงคนินันท์)
ประธานศาลฎีกา