คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10012/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้นิ้วมือของจำเลยกระทำกับอวัยวะเพศผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้อวัยวะเพศและนิ้วมือกระทำต่อผู้เสียหาย เมื่อความผิดฐานกระทำชำเราผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสอง บัญญัติถึงการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำหรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำต่อผู้ถูกกระทำเพื่อสำเร็จความใคร่ ซึ่งล้วนเป็นความผิดแล้ว จึงเป็นเพียงข้อแตกต่างที่มิใช่สาระสำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 285, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายโดยนางสาวจันทร์แรม มารดาผู้แทนโดยชอบธรรม ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายต่อเสรีภาพและร่างกาย ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และการทนทุกข์ทรมานจิตใจ จำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 285 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 9 ปี 4 เดือน รวมสี่กระทงจำคุก 36 ปี 16 เดือนกับให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 มกราคม 2554) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม จำคุกกระทงละ 7 ปี รวมสี่กระทงเป็นจำคุก28 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายรวม 4 วัน ในระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 7 กันยายน 2553 ตามคำฟ้องโจทก์หรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลย รวมทั้งยังได้ความตามที่โจทก์มีนายเพิ่มเกียรติ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผล เบิกความว่า พบรอยฉีกขาดของผิวหนังที่ปากช่องคลอดก่อนถึงเยื่อพรมจารีความยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ซึ่งน่าจะเกิดจากการถูกถูไถด้วยวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งบริเวณช่องคลอดโดยไม่ผ่านเยื่อพรหมจารี จึงเชื่อได้ว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากผู้เสียหายถูกจำเลยล่วงละเมิดทางเพศ โดยใช้อวัยวะเพศและนิ้วมือของจำเลยกระทำกับอวัยวะเพศผู้เสียหายจริงตามที่ผู้เสียหายเบิกความ และแม้ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้นิ้วมือของจำเลยกระทำกับอวัยวะเพศผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้อวัยวะเพศและนิ้วมือกระทำต่อผู้เสียหาย เมื่อความผิดฐานกระทำชำเราผู้อื่นซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277วรรคสอง บัญญัติถึงการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำหรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำต่อผู้ถูกกระทำเพื่อสำเร็จความใคร่ ซึ่งล้วนเป็นความผิดแล้ว จึงเป็นเพียงข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสาระสำคัญ
ปัญหาต่อไปตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยใช้นิ้วมือถูไถที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายในวันที่ 7 กันยายน 2553 เพียงครั้งเดียวและไม่ปรากฏว่ามีรอยฉีกขาดที่เยื่อพรมจารีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเรา แต่เป็นการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารนั้น เห็นว่า นอกจากข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยใช้นิ้วมือถูไถที่อวัยวะเพศผู้เสียหายแล้ว ยังได้ความตามที่ผู้เสียหายเบิกความถึงการกระทำความผิดในวันที่ 7 กันยายน 2553 ด้วยว่า จำเลยได้ใช้สบู่ถูที่อวัยวะเพศผู้เสียหายก่อนใส่อวัยวะเพศจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหาย อันเป็นข้อเท็จจริงที่สนับสนุนได้ว่าจำเลยมีความประสงค์ใช้สบู่เป็นปัจจัยใช้หล่อลื่น จึงเชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำกระทำชำเราผู้เสียหาย มิใช่เจตนากระทำอนาจาร ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่าหากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริงผู้เสียหายชอบที่จะแจ้งให้บุคคลอื่นทราบ การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนถึงวันที่ 9 กันยายน 2553 แล้วโทรศัพท์แจ้งบิดาจึงเป็นพิรุธว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงหรือไม่ เห็นว่า เมื่อคำนึงถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 10 ปีเศษ พักอาศัยอยู่กับจำเลยตามลำพังในช่วงเวลาเกิดเหตุเนื่องจากนางประทีปป้าของผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด ผู้เสียหายเบิกความว่าทุกครั้งที่จำเลยกระทำความผิด จำเลยห้ามมิให้ผู้เสียหายบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นทราบ การที่ผู้เสียหายไม่แจ้งเหตุที่เกิดขึ้นให้บุคคลอื่นทราบในทันที จึงไม่ใช่ข้อพิรุธแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่ได้ความตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลผู้เสียหาย พบเพียงรอยฉีกขาดของผิวหนังที่ปากช่องคลอดก่อนถึงเยื่อพรมจารี ไม่มีรอยฉีกขาดของเยื่อพรมจารี รวมทั้งผู้เสียหายยังได้ให้การในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การของพยาน จากการกระทำความผิดของจำเลยในวันที่ 4, 5 และ 6 กันยายน 2553 ไม่มีเลือดออกจากอวัยวะเพศผู้เสียหาย และไม่ทราบว่าอวัยวะเพศของจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหายลึกเพียงใดส่วนการกระทำความผิดในวันที่ 7 กันยายน 2553 ผู้เสียหายเบิกความว่า อวัยวะเพศของจำเลยก็ไม่สามารถเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้นั้น ข้อเท็จจริงจึงเป็นที่สงสัยอยู่ตามสมควรว่าอวัยวะเพศหรือนิ้วมือของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายหรือไม่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีตลอดมาเช่นนี้ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ข้อเท็จจริงคงรับฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงขั้นพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลฎีกาชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 80 จำคุกกระทง 4 ปี 8 เดือน รวมสี่กระทงเป็นจำคุก 16 ปี 32 เดือน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share