แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ยกเลิกโฉนดที่เจ้าพนักงานได้ออกให้เนื่องจากคำพิพากษาของศาลเพราะความใน พระราชบัญญัติไม่กินถึงว่าให้อำนาจเช่นนั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่านาโจทก์ไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม2496 บัดนี้ล่วงเลยเวลาชำระค่าเช่าแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระให้ จึงขอให้บังคับ
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ แต่ที่สำคัญคือต่อสู้ว่าที่ดินโฉนดรายพิพาทนี้โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ต่อมาคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินได้มีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนโฉนดเสียแล้วกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยตามโฉนดจึงหมดไปสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วยจะเรียกร้องค่าเช่าไม่ได้
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดิน โฉนดที่พิพาทจริง ที่ดินแปลงนี้ได้มีการทำสัญญายอมความกันในคดีแพ่งเลขแดงที่ 186/2494 ระหว่างโจทก์จำเลยเดียวกันนี้และหอทะเบียนได้ออกโฉนดให้โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ต่อมาคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินได้เพิกถอนกรรมสิทธิของโจทก์เสีย คงให้เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ตามประกาศของคณะกรรมการ ฯลฯ ลงในราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 11 สิงหาคม 2496
คู่ความไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำสั่งคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดมีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตั้งแต่นั้นต่อไปกรรมสิทธิ์โจทก์เป็นอันหมด สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย การเช่าจึงมีผลถึงวันที่โจทก์หมดกรรมสิทธิ์รวม 6 วัน พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าคิดตามส่วนเพียง 6 วันเท่านั้น
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระค่าเช่าเต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินมีอำนาจสั่งยกเลิกโฉนดที่เจ้าพนักงานออกไปเนื่องจากคำพิพากษาของศาลได้หรือไม่ ที่ประชุมใหญ่เห็นว่าความในพระราชบัญญัติว่าด้วยการสำรวจการออกโฉนดที่ดิน พ.ศ. 2496 มิได้หมายความหรือกินความถึงว่าให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งยกเลิกโฉนดที่ได้ออกเนื่องจากคำพิพากษาของศาล เพราะคำพิพากษาของศาลจะว่าไม่ชอบด้วยความเป็นธรรมอย่างไร มิฉะนั้นคำพิพากษาที่เด็ดขาดไปแล้วก็จะไม่มีที่สิ้นสุดรื้อขึ้นว่ากล่าวกันไม่จบ และตามประกาศสำนักนายกฯ ท้าย พระราชบัญญัติ นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ประสงค์จะให้คณะกรรมการ ฯลฯ สั่งยกเลิกสิ่งที่ศาลได้พิพากษาไปแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน