แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนครบกำหนดไถ่คืนการขายฝาก ผู้ขายได้ติดต่อขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนจากผู้ซื้อและนัดวันที่จะไปจดทะเบียนไถ่ถอนกันแล้ว แต่ผู้ซื้อไม่ไปตามนัด หลังจากนั้นผู้ขายได้พยายามติดต่อกับผู้ซื้ออีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ผู้ขายจึงไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินไว้เป็นหลักฐานว่าผู้ขายพร้อมแล้วที่จะไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายได้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดแล้วโดยชอบ ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องรับไถ่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 899/2495)
ผู้ซื้อนำทรัพย์ที่รับขายฝากไปโอนให้แก่ภริยาโดยเสน่หาทั้งๆ ที่ผู้ซื้อรู้อยู่ว่าผู้ขายยังมีสิทธิไถ่คืน ดังนี้ เป็นการฉ้อฉลอันทำให้ผู้ขายเสียเปรียบ ผู้ขายชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนให้นั้นเสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปีก่อนครบกำหนดโจทก์ขอไถ่ถอน จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ไปรับไถ่ถอนและติดต่อไม่ได้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินไว้เป็นหลักฐานต่อมาจำเลยที่ 1 กลับยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยา โดยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้โดยมิชอบ ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รับไถ่ถอนการขายฝากและคืนที่ดินให้โจทก์ กับให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1, 2 ต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนด
จำเลยที่ 3 ต่อสู้ว่า ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่และระเบียบแบบแผน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ระหว่างจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 รับไถ่ถอนการขายฝากในจำนวนเงิน 4,200 บาท ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1, 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1และที่ 2 เสียด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2508 ก่อนครบกำหนดไถ่คืนโจทก์ได้ไปพบจำเลยที่ 1 ขอไถ่ที่พิพาทคืน จำเลยที่ 1 นัดให้ไปทำการไถ่ที่สำนักงานที่ดินในวันที่ 14 เดือนเดียวกัน จำเลยที่ 1 ไม่ไปตามนัด รุ่งขึ้นโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า โจทก์พร้อมแล้วที่จะทำการไถ่ถอนที่พิพาทภายในอายุสัญญา คือ วันที่ 17 มีนาคม 2508 แต่ตามตัวจำเลยที่ 1 ไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้ติดต่อขอไถ่ถอนที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ภายในกำหนดสัญญาจนมีการนัดหมายวันที่จะไปจดทะเบียนไถ่ถอนกันแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ไปตามนัด หลังจากนั้นโจทก์ได้พยายามติดต่อกับจำเลยที่ 1 อีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โจทก์จึงได้ไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินไว้เป็นหลักฐานว่าโจทก์พร้อมแล้วที่จะทำการไถ่ถอนที่พิพาทคืนภายในกำหนดอายุสัญญา ตามพฤติการณ์ดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนที่พิพาทภายในกำหนดแล้วโดยชอบ จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องรับไถ่ถอนตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 899/2495
การที่จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาโดยเสน่หา ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าโจทก์ยังมีสิทธิไถ่ที่พิพาทคืน เป็นการฉ้อฉลทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลเพิกถอนได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น