แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินไม่เหมือนกับลายมือชื่อโจทก์ในตัวอย่างลายมือชื่อในสมุดเงินฝากและคำขอเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โดยชัดแจ้ง เพียงแต่คล้ายกันเท่านั้น ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป พนักงานของจำเลยที่ 1 ก็จะไม่จ่ายเงินให้หากลายมือชื่อไม่เหมือนกัน แต่ที่จ่ายให้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างทำงานอยู่ในสำนักงานของจำเลยที่ 1 สาขาสนามจันทร์ด้วยกัน จึงเชื่อใจอนุโลมและยืดหยุ่นจ่ายให้ไป โดยมิได้ใส่ใจให้ความสำคัญแก่ลายมือชื่อผู้ถอนเงินว่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ใบถอนเงินลงชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินเอง แต่ไม่มีตัวโจทก์มาพนักงานของจำเลยที่ 1 ก็ยังจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแทน พฤติการณ์ชี้ชัดว่าพนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2หากพนักงานของจำเลยที่ 1 ใช้ความละเอียดรอบคอบและความระมัดระวังเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพธนาคารแล้ว ก็ย่อมจะทราบได้ว่าลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินเป็นลายมือชื่อปลอม และจำเลยที่ 2 ก็จะไม่สามารถถอนเงินฝากจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ไปได้
แม้ในปกหน้าด้านในของสมุดเงินฝาก จะมีข้อความให้ผู้ฝากเงินเป็นผู้เก็บรักษาสมุดเงินฝากเองก็ตาม ก็เป็นเพียงคำแนะนำมิใช่ข้อตกลงในการฝากเงิน ส่วนในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากนั้นก็ไม่ได้มีเงื่อนไขโดยชัดแจ้งว่าผู้ฝากหรือโจทก์จะต้องเก็บรักษาสมุดเงินฝากไว้เอง คงมีแต่คำแนะนำว่าควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเท่านั้น การที่จำเลยที่ 2ถอนเงินฝากจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ไปได้ จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นผลโดยตรงจากการที่โจทก์ฝากสมุดเงินฝากไว้กับจำเลยที่ 2 การกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่อในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ โดยโจทก์ได้เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จำเลยทั้งสองจงใจหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อในการถอนเงินให้รอบคอบ โดยปล่อยให้จำเลยที่ 2 ถอนเงินจากบัญชีของโจทก์ โดยโจทก์ไม่ยินยอมและไม่ทราบเรื่อง โจทก์ทวงถามจากจำเลยทั้งสองให้ชำระเงินดังกล่าวคืนแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 482,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์เป็นลูกค้าเงินฝากของจำเลยที่ 1 โดยเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ และนำเงินเข้าฝากจำนวนหนึ่ง โจทก์ได้รับสมุดเงินฝากออมทรัพย์ไปจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์นำเงินเข้าฝากและถอนเงินออกจากบัญชีออมทรัพย์หลายครั้ง ซึ่งการถอนเงินแต่ละครั้ง จำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ทุกประการ โดยมิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 482,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 476,900.99 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 มกราคม 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2ชำระเงินแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 รับผิดจำนวน 241,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ5 ต่อปี ของต้นเงิน 238,450.49 บาท นับแต่วันที่ 21 มกราคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างชั่วคราวทำหน้าที่รักษาความสะอาดและบริการลูกค้า โดยโจทก์ฝากสมุดเงินฝากไว้กับจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นหลานโจทก์และเป็นผู้ติดต่อจัดการให้โจทก์เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดังกล่าวต่อมาจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินแล้วนำมาถอนเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของโจทก์จากจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ 21 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 482,500 บาท คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหาเฉพาะจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์เพียงกึ่งหนึ่งหรือเต็มจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่า ลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินไม่เหมือนกับลายมือชื่อโจทก์ในตัวอย่างลายมือชื่อในสมุดเงินฝากและคำขอเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โดยชัดแจ้ง เพียงแต่คล้ายกันเท่านั้น ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป พนักงานของจำเลยที่ 1 ก็จะไม่จ่ายเงินให้หากลายมือชื่อไม่เหมือนกัน แต่ที่จ่ายให้เพราะจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างทำงานอยู่ในสำนักงานของจำเลยที่ 1 สาขาสนามจันทร์ด้วยกัน จึงเชื่อใจอนุโลมและยืดหยุ่นจ่ายให้ไป โดยมิได้ใส่ใจให้ความสำคัญแก่ลายมือชื่อผู้ถอนเงินว่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ใบถอนเงินลงชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินเองแต่ไม่มีตัวโจทก์มา พนักงานของจำเลยที่ 1 ก็ยังจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแทน พฤติการณ์ชี้ชัดว่าพนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2 หากพนักงานของจำเลยที่ 1 ใช้ความละเอียดรอบคอบและความระมัดระวังเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพธนาคารแล้ว ก็ย่อมจะทราบได้ว่าลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินเป็นลายมือชื่อปลอมและจำเลยที่ 2 ก็จะไม่สามารถถอนเงินฝากจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ไปได้ ส่วนที่โจทก์ฝากสมุดเงินฝากไว้กับจำเลยที่ 2 นั้น เห็นได้ว่าโจทก์ทำไปโดยสุจริต เพราะเชื่อใจจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหลานของโจทก์และเป็นผู้จัดการให้โจทก์ฝากเงินกับจำเลยที่ 1 สาขาสี่แยกสนามจันทร์ประกอบกับโจทก์เชื่อว่าจำเลยที่ 2 ไม่สามารถถอนเงินฝากได้ คงมีแต่โจทก์แต่เพียงผู้เดียวที่มีอำนาจถอนเงินฝากได้ แม้ในปกหน้าด้านในจะมีข้อความให้ผู้ฝากเงินเป็นผู้เก็บรักษาสมุดเงินฝากเองก็ตาม ก็เป็นเพียงคำแนะนำมิใช่ข้อตกลงในการฝากเงินทั้งโจทก์เองก็ไม่ได้รับสมุดเงินฝากและไม่เห็นคำแนะนำหรือคำเตือนดังกล่าวเนื่องจากจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับและเก็บรักษาสมุดเงินฝากไว้แทนตั้งแต่แรก ส่วนในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากนั้นก็ไม่ได้มีเงื่อนไขโดยชัดแจ้งว่าผู้ฝากหรือโจทก์จะต้องเก็บรักษาสมุดเงินฝากไว้เอง คงมีแต่คำแนะนำว่าควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเท่านั้น การที่จำเลยที่ 2ถอนเงินฝากจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ไปได้ จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นผลโดยตรงจากการที่โจทก์ฝากสมุดเงินฝากไว้กับจำเลยที่ 2 การกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่อในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์เต็มจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2รับผิดต่อโจทก์เพียงกึ่งหนึ่งนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น