คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอให้ศาลสั่งคืนเงินค่าปรับบางส่วนที่ได้ชำระไปแล้วโดยจำเลยยอมให้กักขังแทนค่าปรับตามคำพิพากษา ศาลย่อมไม่คืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วให้แก่จำเลย กรณีเช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขหักวันกักขังให้ได้ตามสมควร หาใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาไม่ หากแต่เป็นการแก้ไขในการบังคับค่าปรับตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน ๙๙,๘๐๐ บาท ค่าปรับไม่เสียให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙,๓๐ ถ้าจะต้องกักขัง ให้กักขังเป็นเวลา ๒ ปี ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาฎีกาให้จำเลยฟังแล้วออกหมายกักขังจำเลยแทนค่าปรับเป็นเวลา ๒ ปี โดยหมายเหตุว่าจำเลยชำระค่าปรับแล้ว ๕,๐๐๐ บาท จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้ชำระค่าปรับไป ๒ ครั้งเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท บัดนี้จำเลยยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา คือ ยอมกักขังแทนเงินค่าปรับ จึงขอให้ศาลสั่งคืนเงิน ๕,๐๐๐ บาทที่ชำระไว้นั้นให้แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินจำนวน ๕,๐๐๐ บาทที่จำเลยชำระต่อศาลไว้นั้น เป็นการชำระค่าปรับเพียงบางส่วน ยังไม่ครบตามจำนวนที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘ จำเลยยังจะต้องชำระอีก ๙๔,๘๐๐ บาทจึงจะครบ ถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระอยู่ จำเลยจะต้องถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับหรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับที่ค้างชำระนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ วิธีการยึดทรัพย์ใช้ค่าปรับก็ดี การกักขังแทนค่าปรับก็ดี เป็นวิธีที่จะกระทำเพื่อเป็นการชดใช้ค่าปรับ เมื่อจำเลยได้นำค่าปรับบางส่วนมาชำระอันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะคืนให้จำเลย ฯลฯ จำเลยเพิ่มมาร้องเรียนเพิ่มเติมในขั้นฎีกาว่า หากศาลฎีกาคืนไม่ได้ก็ขอให้หักวันกักขังในจำนวนเงิน ๕,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยในอัตรา ๕ บาทต่อ ๑ วัน ตามมาตรา ๓๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ในปัญหาที่ว่า จำเลยร้องขอให้หักวันกักขังในจำนวนเงินซึ่งชำระไว้บางส่วนแล้ว ศาลฎีกาจะมีอำอาจสั่งให้หักวันกักขังได้หรือไม่นั้น โดยมติที่ประชุมเห็นว่า แม้ในที่สุดศาลฎีกาจะได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ปรับจำเลยและว่าค่าปรับไม่เสียให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙,๓๐ ถ้าจะต้องกักขังให้กักขังเป็นเวลา ๒ ปี ดังที่ปรากฎในคดีนี้ก็ตามศาลฎีกาก็ยังมีอำนาจสั่งแก้ไขหักวันกักขังให้ได้ตามสมควร เพราะการนี้หาใช่การแก้ไขคำพิพากษาไม่ หากแต่เป็นการแก้ไขในการบังคับค่าปรับตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ เป็นกิจการในชั้นบังคับคดีอย่างไรก็ดี ตามรูปเรื่องแห่งคดีนี้ เมื่อพิจารณาถึงจำนวนค่าปรับกับเงินที่จำเลยนำมาเสียและเหตุที่จำเลยนำมาเสียก็เพื่อจะได้ขอประกันตัว ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลสมควรจะหักวันกักขังให้จำเลย พิพากษายืน.

Share