คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พวกจำเลยคนหนึ่งได้ชักวัตถุมีด้ามจากพุง ทำกริยาชักเข้าชักออกซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีดมีความกลัว แล้วพวกของจำเลยได้กระชากปากกาจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมิได้ขัดขวางอย่างใดดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เพื่อจะเอาทรัพย์หรือให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้และพวกของจำเลยได้ดึงปากกาที่กระเป๋าของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยกับพลเรือนอีกคนหนึ่งเข้าไปขอเหล้าจากนายเคี๊ยกเม้งผู้เสียหาย ๆ บอกว่าไม่ได้ขายเหล้า ชายคนนั้นบอกให้ส่งเงิน พวกของจำเลยคนหนึ่งทำท่าชักวัตถุมีด้ามเหน็บอยู่ที่เอวซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีด แล้วชายคนนั้นเข้ามากระชากปากกาหมึกซึมจากกระเป๋าเสื้อผู้เสียหายไป ผู้เสียหายถือเงิน 15 บาทไปขอไถ่ปากกา แต่ชายคนนั้นกลับแย่งเอาเงินไป ทั้งปากกาก็ไม่คืนให้โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันปล้นปากกาหมึกซึมและเงินของนายเคี๊ยกเม้ง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีความผิดฐานสมคบกันลักทรัพย์โดยกิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์พาหนีไปต่อหน้าตามมาตรา 297, 63 จำคุกคนละ 2 ปี แต่ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 293 นอกนั้นยืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยนี้คนหนึ่งได้ชักวัตถุมีด้ามจากพุงทำกิริยาชักเข้าชักออก ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีด มีความกลัวแล้วพวกของจำเลยได้กระชากปากกาจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้ขัดขวางอย่างใด ดังนี้ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้าย เพื่อจะเอาทรัพย์หรือให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้ และพวกของจำเลยได้ดึงปากกาของผู้เสียหายไปจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่ได้ขอมาในฟ้องก็ดี

พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 299 ให้จำคุกคนละ 4 ปี นอกจากนี้ยืน

Share