คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรจดทะเบียนเป็นผู้ซื้อที่ดินมีโฉนด แต่ซื้อแทนมารดาแม้จะไม่ได้มีหนังสือตั้งตัวแทน ที่ดินก็ไม่เป็นของบุตรมารดาฟ้องขับไล่บุตรได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินบ้าน 2 แปลง และเรือน 2 ห้องปลูกอยู่ในที่ดินแปลงที่ 2 ราคาประมาณ 15,000 บาท ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โจทก์กับนายกิมซั้วสามีซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วได้ซื้อจากนายสมบูรณ์ รัตนรัตน์ เมื่อ พ.ศ. 2484 แต่ให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรเป็นผู้ซื้อแทนเพราะโจทก์เป็นลูกหนี้บุคคลภายนอกตามคำพิพากษาซึ่งกำลังอยู่ในการบังคับคดี ปรากฏตามทะเบียนนิติกรรมที่ 41, 42 ลงวันที่ 9 เมษายน2484 โจทก์กับสามีได้ใช้สิทธิครอบครองอย่างเจ้าของมาจนทุกวันนี้ ครั้นเมื่อเดือนมกราคม 2494 จำเลยได้บังอาจยื่นคำร้องขอขายที่ดินรายนี้ให้บุคคลภายนอก ขอให้พิพากษาว่า ที่ดินและเรือนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยแก้ว่า ที่บ้านและเรือนเป็นของจำเลยซื้อมาจากนายสมบูรณ์หาใช่ของโจทก์ไม่ และจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองมาเป็นเวลา 10 ปีกว่าแล้ว ที่โจทก์มาอยู่ก็โดยทางอาศัยฉันมารดากับบุตรเท่านั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีตัวโจทก์ นายปาน นายกล่อมเบิกความประกอบกันว่า โจทก์ได้ตกลงซื้อที่ดินและเรือนรายพิพาทนี้จากนายสมบูรณ์จริง ข้อเท็จจริงและเหตุผลของคดีมีน้ำหนักเชื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อ ฝ่ายจำเลยว่าได้ซื้อไว้เองไม่ได้ซื้อแทนโจทก์ หามีน้ำหนักดีกว่าพยานโจทก์ไม่ แต่เห็นว่าถึงข้อเท็จจริงจะฟังว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อโดยให้จำเลยไปทำสัญญาซื้อขายแทนก็ตาม การมอบให้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินแทนต้องทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ตามสัญญาซื้อขายที่รายนี้ลงชื่อจำเลยเป็นผู้ซื้อโดยข้อกฎหมายต้องฟังว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อในนามของจำเลย แต่วินิจฉัยต่อไปว่าฝ่ายโจทก์มีเอกสารทะเบียนสำมะโนครัวและใบเสร็จค่าบำรุงท้องที่ กับมีพยานบุคคลหลายปากเบิกความยืนยันว่า โจทก์และสามีโจทก์ได้ครอบครองที่รายนี้มาโดยจำเลยหาได้เกี่ยวข้องไม่โจทก์ได้อยู่ในที่ดินและเรือนตั้งแต่ก่อนทำสัญญาซื้อขาย 2 ปี และอยู่ต่อมาจนสามีตาย อยู่ต่อมาอีกนับได้ 10 ปีเศษแล้ว แสดงว่าโจทก์ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ ที่บ้านรายนี้ไม่ปรากฏว่ามีหนังสือสำคัญอย่างใด โจทก์จึงได้สิทธิในที่พิพาทโดยทางครอบครองพิพากษาว่าที่ดินบ้าน 2 แปลงและเรือน 2 หลังเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารไม่ให้เกี่ยวข้องต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่รายนี้ เพราะนอกจากตัวโจทก์ นายปาน นายกล่อม ที่เบิกความว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อแล้ว เอกสารสัญญาซื้อขายและสัญญาจำนองก็ตกอยู่ที่โจทก์ พยานโจทก์มีเหตุผลน่าเชื่อกว่าพยานจำเลย จำเลยเองก็รับอยู่ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครอง ข้อที่เถียงว่าอยู่โดยอาศัยจึงฟังไม่ขึ้นเมื่อฟังว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อในฐานะเป็นเจ้าของแล้วแม้โจทก์จะครอบครองมาไม่ถึง 10 ปี หรือมอบให้ซื้อโดยมิได้ทำหนังสือก็ไม่ทำให้จำเลยกลับเป็นเจ้าของและเป็นผู้ชนะคดีนี้ได้ จึงพิพากษายืน ให้จำเลยเสียค่าทนายชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 375 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้ว เรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าได้ให้จำเลยผู้เป็นบุตรซื้อที่พิพาทและเรือนแทนโจทก์ จำเลยว่าเป็นของจำเลยซื้อมา หาใช่ของโจทก์ไม่ คดีจึงมีประเด็นข้อเถียงกันว่าจำเลยซื้อแทนโจทก์หรือว่าซื้อเป็นของจำเลยเอง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยซื้อแทนโจทก์ ปรากฏว่านายสมบูรณ์ผู้ขายที่รายนี้ได้ตายไปแล้ว โจทก์ได้อ้างนายปานบิดานายสมบูรณ์ผู้ขายมาสืบว่านายสมบูรณ์ได้ตกลงขายให้แก่โจทก์โดยให้จำเลยผู้เป็นบุตรโจทก์เป็นผู้ซื้อแทน มีนายกล่อมเป็นพยานประกอบว่านายปานได้พูดตกลงจะขายที่รายนี้ให้แก่โจทก์ และมีตัวโจทก์ยืนยันว่า ได้เป็นผู้ตกลงซื้อจากนายสมบูรณ์ แล้วให้จำเลยเป็นผู้ทำนิติกรรมซื้อขาย และเป็นผู้เก็บรักษาเอกสารสัญญาซื้อขาย มีพยานอื่นประกอบอีกหลายปากว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทมามีใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงท้องที่ในนามของโจทก์ ฝ่ายจำเลยมีตัวจำเลยกล่าวว่าได้เป็นผู้ซื้อจากนายสมบูรณ์ ซื้อแล้วได้อยู่เองแต่ต่อมาได้ให้โจทก์เข้าอยู่ตลอดมา เมื่อซื้อสามีจำเลยยังมีชีวิตอยู่นางฉ้วนพยานจำเลยว่าเมื่อซื้อสามีจำเลยตายแล้ว ซึ่งขัดกับคำของจำเลย จำเลยกล่าวว่า ได้เก็บสัญญาไว้ในเรือนแล้วหายไป ได้พิจารณาพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว ศาลนี้เห็นด้วยศาลทั้งสองที่วินิจฉัยว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อฟังยิ่งกว่าหลักฐานพยานฝ่ายจำเลย จึงเชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ซื้อที่พิพาทรายนี้แทนโจทก์ผู้เป็นมารดาเมื่อฟังว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่พิพาทแทนโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ว่า ตามสัญญาซื้อขายมีชื่อจำเลยเป็นผู้ซื้อ จึงฟังว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อตามกฎหมายนั้นศาลนี้เห็นว่ากฎหมายมาตรา 798 ที่ศาลชั้นต้นอ้าง บัญญัติว่ากิจการอันใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือการตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วยนั้นกฎหมายมาตรานี้มิได้บังคับว่า ถ้าการตั้งตัวแทนมิได้ทำเป็นหนังสือให้ถือว่ากิจการนั้นเป็นกิจการของตัวแทน การเป็นตัวแทนเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าเป็นผู้กระทำการแทนตัวการ หาใช่เป็นกิจการของตัวแทนเองไม่ จำเลยซึ่งเป็นแต่เพียงตัวแทนของโจทก์ในการซื้อที่พิพาทรายนี้ จะถือสิทธิในฐานะที่เป็นผู้ซื้อเพื่อตนเองหาได้ไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว ให้ยกฎีกา พิพากษายืนให้จำเลยใช้ค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 150 บาท

Share