แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญาให้นับอายุความทางอาญาที่ยามกว่าตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 448 วรรค 2 นั้น หมายความเฉพาะการเรียกร้องจากตัวผุ้กระทำผิดหรือผู้ร่วมในการกระทำผิดโดยเฉพาะ มิได้หมายถึงผู้อื่น ที่มิได้ร่วมในการกระทำผิด ( อ้างฎีกาที่ 383/2497 )
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างขับรถ จำเลยได้ขับรถในหน้าที่โดยความประมาทด้วยความเร็ว เป็นเหตุให้รถคว่ำ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส อัยการและโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ ๑ ฐานทำให้คนตายและบาดเจ็บโดยประมาท ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ คดีถึงที่สุดแล้ว จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การตัดฟ้องว่า เหตุแห่งการละเมิดเกิดเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๔๙๔ อัยการได้ฟ้อจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายนปีเดียวกันถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกำหนด ๑ ปีแล้ว โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วฟ้องของโจทก์ขาดอายุความตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๔๔๘
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ คงดำเนินการพิจารณาต่อไปเฉพาะจำเลยที่๑
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ว่า ฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ ยังไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้ ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญาให้นับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าดังที่ปรากฎในมาตรา ๔๔๘ วรรค ๒ นั้น หมายความเฉพาะการเรียกร้องจากตัวผู้กระทำผิด หรือผู้ร่วมในการกระทำผิดโดยเฉพาะมิได้หมายความถึงผู้อื่นที่มิได้ร่วมในการกระทำผิดด้วย ฉะนั้นการเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยที่ ๒ จึงต้องนับอายุความตามวรรค ๑ คือ ๑ ปี
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒