แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า จำเลยส่งรถยนต์มาให้โจทก์ซ่อมหลายครั้งหลายรายการโจทก์ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลยและได้มอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยแล้ว จำเลยให้การแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องถึงวันฟ้อง โดยไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมคันไหนตั้งแต่เมื่อไรทั้ง ๆ ที่เอกสารท้ายฟ้องได้ระบุยี่ห้อรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ หมายเลขเคลมเลขที่กรมธรรม์ประกันภัยและจำนวนเงินค่าซ่อมไว้อย่างชัดเจนแล้ว จำเลยสามารถทราบได้เป็นอย่างดีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าซ่อมรถยนต์แต่ละคันตั้งแต่เมื่อใด และสามารถให้การต่อสู้ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์สำหรับรถยนต์คันไหนขาดอายุความแล้ว เมื่อจำเลยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความโดยชัดแจ้งคำให้การของจำเลย จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2539 จำเลยตกลงให้โจทก์เข้าเป็นอู่ในเครือของจำเลยเมื่อโจทก์ซ่อมรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยแล้ว จำเลยจะชำระค่าจ้างแก่โจทก์หลังจากมีการตกลงกันดังกล่าวแล้ว จำเลยส่งรถยนต์มาให้โจทก์ซ่อมหลายครั้งหลายรายการตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ถึงหมายเลข 57 และได้มอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยแล้ว ตามสำเนารายการเลขเคลม กรมธรรม์ประกันภัย และวันที่รับรถซ่อมเสร็จเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 58 โจทก์บอกกล่าวพร้อมส่งเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งภาพถ่ายการซ่อมรถยนต์ยังจำเลยเพื่อให้จำเลยชำระค่าจ้างแก่โจทก์ จำเลยชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์บางส่วน นับแต่วันที่จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2543 จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 858,984 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 858,984 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์ซ่อมรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ถึงหมายเลข 57 เป็นเพียงหลักฐานการตรวจสอบความเสียหายของรถยนต์ ไม่ได้เป็นหลักฐานที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ตามนั้น เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 58 เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเอง จำเลยไม่เข้าใจว่าได้ว่าจ้างโจทก์ซ่อมรถยนต์ทะเบียนอะไร เมื่อไร และแต่ละคันซ่อมเสร็จเมื่อใด ค่าซ่อมแต่ละคันเท่าไรหากศาลพิจารณาฟังว่าจำเลยเคยจ้างโจทก์ซ่อมรถยนต์ จำเลยก็ได้ชดใช้ค่าจ้างหมดสิ้นแล้ว โจทก์จึงได้ให้จำเลยรับรถยนต์ไปจากโจทก์ได้ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องถึงวันฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาจำเลยแถลงขอสละประเด็นตามคำให้การข้ออื่น ๆ ทั้งหมดโดยติดใจต่อสู้เฉพาะประเด็นคดีโจทก์ขาดอายุความเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 858,984 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรร์ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นเรื่องอายุความและไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การในประเด็นเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความไว้โดยชัดแจ้งแล้ว จึงมีประเด็นในเรื่องนี้นั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์อ้างว่าจำเลยส่งรถยนต์มาให้โจทก์ซ่อมหลายครั้งหลายรายการ โจทก์ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลยและได้มอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยแล้ว จำเลยให้การแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องถึงวันฟ้อง โดยไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมรถยนต์คันไหนตั้งแต่เมื่อไร ทั้ง ๆ ที่ตามเอกสารท้ายฟ้องได้ระบุยี่ห้อรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ หมายเลขเคลม เลขที่กรมธรรม์ประกันภัยและจำนวนเงินค่าซ่อมไว้อย่างชัดเจนแล้ว จำเลยสามารถทราบได้เป็นอย่างดีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าซ่อมรถยนต์แต่ละคันตั้งแต่เมื่อใด และสามารถให้การต่อสู้ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์สำหรับรถยนต์คันไหนขาดอายุความแล้วเมื่อจำเลยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความโดยชัดแจ้ง คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่มีประเด็นเรื่องอายุความและไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ