คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8910/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะยื่นอุทธรณ์เวลา 16.45 นาฬิกา ของวันสุดท้ายที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ โดยล่วงเลยเวลาเปิดทำการของศาลซึ่งตามปกติจะเปิดทำการถึง 16.30 นาฬิกา ก็ตาม แต่ก็ได้ความจากรายงานของเจ้าหน้าที่ที่เสนออุทธรณ์ของจำเลยต่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้ติดต่อเพื่อยื่นอุทธรณ์เมื่อเวลา 15.40 นาฬิกา ซึ่งยังอยู่ในเวลาเปิดทำการของศาลก่อนแล้วและขอเวลาจัดเรียงเอกสารเพื่อยื่นประกอบอุทธรณ์ โดยจำเลยได้นั่งจัดเรียงเอกสารอยู่ที่หน้าแผนกรับฟ้องจนเสร็จ แล้วยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเสนอผู้พิพากษาเพื่อมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้น โดยปรากฏว่าอุทธรณ์ของจำเลยบรรยายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีรายละเอียดยืดยาว มีการอ้างอิงเอกสารประกอบอุทธรณ์จำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการจัดเรียงเอกสารและตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยตามสมควร ทั้งจำเลยยื่นอุทธรณ์เลยเวลาทำการของศาลเพียง 15 นาที เท่านั้น กรณีจึงมีเหตุผลสมควรเมื่อเจ้าหน้าที่รับอุทธรณ์โดยศาลยังไม่ปิดทำการ กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยถือว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยถือว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาทำการของศาลจึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 4, 6, 11, 22, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเครื่องส่งวิทยุคมนาคม 1 เครื่อง เสาอากาศชนิดรอบตัว 1 ต้น และสายนำสัญญาณวิทยุคมนาคม 1 เส้น ของกลางเพื่อให้ไว้ใช้ในราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชาบัญญัติวิทยุคมนาคม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน และปรับ 30,000 บาท ฐานตั้งสถานีวิทยุโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน และปรับ 30,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 60,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และริบเครื่องส่งวิทยุคมนาคม 1 เครื่อง เสาอากาศชนิดรอบตัว 1 ต้น และ สายนำสัญญาณวิทยุคมนาคม 1 เส้น ของกลาง เพื่อให้ไว้ใช้ในราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้จำเลยครั้งสุดท้ายถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2549 ต่อมาวันที่ 4 พฤษภาคม 2549 จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น เมื่อเวลา 16.45 นาฬิกา โดยเจ้าหน้าที่ทำรายงานเสนอต่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่า วันนี้เวลาประมาณ 15.40 นาฬิกา จำเลยมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่แผนกรับฟ้องว่าจะยื่นอุทธรณ์ แต่ขอเวลาจัดเรียงเอกสารและนั่งจัดเรียงเอกสารอยู่ที่หน้าแผนกรับฟ้องจนกระทั่งเวลา 16.45 นาฬิกา จึงจัดเรียงเสร็จและนำมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ ตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2549 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ไว้ในวันเดียวกันนั้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะยื่นอุทธรณ์เวลา 16.45 นาฬิกา ของวันสุดท้ายที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ โดยล่วงเลยเวลาเปิดทำการของศาลซึ่งตามปกติจะเปิดทำการถึงเวลา 16.30 นาฬิกา ก็ตาม แต่ก็ได้ความจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ที่เสนออุทธรณ์ของจำเลยต่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้ติดต่อเพื่อยื่นอุทธรณ์เมื่อเวลา 15.40 นาฬิกา ซึ่งยังอยู่ในเวลาเปิดทำการของศาลก่อนแล้วและขอเวลาจัดเรียงเอกสารเพื่อยื่นประกอบอุทธรณ์โดยเจ้าหน้าที่ได้รับรองในรายงานดังกล่าวว่า หลังจากจำเลยแจ้งต่อเจ้าหน้าที่แล้วได้นั่งจัดเรียงเอกสารอยู่ที่หน้าแผนกรับฟ้องจนเสร็จ แล้วยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าหน้าที่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเสนอผู้พิพากษาเพื่อมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้น โดยปรากฏว่าอุทธรณ์ของจำเลยบรรยายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีรายละเอียดยืดยาว มีการอ้างอิงเอกสารประกอบอุทธรณ์จำนวนมากซึ่งต้องใช้เวลาในการจัดเอกสารและตรวจสอบให้ถูกต้องเรียบร้อยตามสมควร ทั้งจำเลยยื่นอุทธรณ์เลยเวลาทำการของศาลเพียง 15 นาที เท่านั้น กรณีจึงมีเหตุผลสมควร เมื่อเจ้าหน้าที่รับอุทธรณ์โดยศาลยังไม่ปิดทำการ กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยถือว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาทำการของศาลจึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share