คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คน เป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนคำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 22,500 บาทแก่โจทก์ หรือให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันทำสัญญาหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเงิน 22,500 บาท ฯลฯ

จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดี

จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีและว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งแดงที่ 387/2510

ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัดสามัคคีธรรมรวม 11 คน และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าว ดังนั้นโจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ฟ้องในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนโดยเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วม คำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลอันนั้นเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share