แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อย่างไรไม่เรียกว่าเป็นการ+
ย่อยาว
คดีนี้ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีใช้เงินโจทก์ ๒๙๐๗ บาท ๓ สตางค์แลดอกเบี้ย
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยทำการค้าขายติดต่อกัน โดยจำเลยหาของส่งให้โจทก์ไปขายที่ปีนัง ฝ่ายจำเลยรับสินค้าโจทก์ไปจำหน่าย การส่งของไปปีนังนั้น บางครามใช้วิธีฮวยตั๋วคือจำเลยออกตั๋วให้แก่โจทก์ ๆ จ่ายเงินให้แก่จำเลยกอ่น แล้วส่งตั๋วไปเก็บเงินที่พ่อค้าปีนังหรือสั่งสินค้าจากปีนังหักกับเงินตามตั๋วนั้น ปรากฎว่าเมื่อคิดบัญชีกันแล้ว จำเลยยังคงเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ ๒๙๐๗ บาท ๓ สตางค์
จำเลยต่อสู้ว่าเงินที่โจทก์จ่ายให้แก่จำเลยเป็นเสมือนการกู้ยืมเงิน เมื่อโจทก์ไม่มีเอกสารที่จำเลยลงลายมือชื่อให้ไว้ โจทก์จะฟ้องหรือนำพะยานบุคคลมาพิศูจน์ไม่ได้ตามประมวลแพ่ง ม.๖๕๓ แลฎีกาที่ ๙๔/๒๔๗๔
ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่การกู้ยืม กฎหมายแลฎีกาที่จำเลยอ้างไม่ตรงกับรูปคดี แลที่จำเลยเถียงว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาสินค้าที่จำเลยซื้อเชื่อโจทก์จะสืบว่าจำเลยรับตัวเงินสดไปจากโจทก์ไม่ได้ โดยเป็นการสืบนอกประเด็น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยต่างรับสินค้าของกันแลกันไปจำหน่ายโดยมิได้ชำระราคากันในเวลารับสินค้าไป แต่จดบัญชีไว้แลหักราคากัน เรียกให้ว่าเป็นการซื้อขายสินค้าเชื่อ ส่วนตัวเงินที่จดไว้ในบัญชีรับแลจ่ายก็เป็นราคาที่ทั้ง ๒ ฝ่ายผ่อนใช้ราคาซึ่งกันและกัน จะเรียกว่าเป็นการสืบนอกประเด็นไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง