แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 33,38 หาได้จำกัดเฉพาะคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เมื่อคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ย่อมมีอำนาจฝากกักคนต่างด้าวนั้นไว้ที่สถานีตำรวจภูธรได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นสามีนางแบ๋ เหวี่ยนถี่ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาปรับฐานฆ่ากระบือโดยไม่รับอนุญาต และได้ชำระค่าปรับแล้ว เจ้าพนักงานก็ควบคุมนางแบ๋ไว้ตลอดมาโดยผิดกฎหมาย ขอให้ปล่อยตัวนางแบ๋ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90
ผู้คัดค้านคัดค้านว่า ไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดการควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมายพนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ รับตัวนางแบ๋ไปควบคุม เพื่อรอส่งกลับไปนอกราชอาณาจักรตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย และได้นำตัวนางแบ๋ไปฝากกักตัวไว้ที่สถานีตำรวจฯ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า นางแบ๋เป็นบุตรคนญวนอพยพ อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตการกักตัวนางแบ๋ชอบด้วยกฎหมาย ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 33, 38 บัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ฝากกักนางแบ๋คนต่างด้าวซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อจะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ อนุสัญญาว่าด้วยสภาพของผู้ลี้ภัย และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิลี้ภัยทางชายแดนที่ผู้ร้องอ้าง หากมีจริงก็หามีผลบังคับยกเว้นกฎหมายของประเทศไทยไม่ บทบัญญัติแห่งสองมาตรานี้ หาได้จำกัดเฉพาะคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ การที่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ฝากกักนางแบ๋ไว้เพื่อรอส่งกลับ จึงเป็นการควบคุมโดยชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน