คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์มาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 คำร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองด้วย เมื่อจำเลยผู้จำนองไม่ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้าน ผู้ร้องก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (1) (ค) ในอัตราร้อยละหนึ่ง แต่ไม่เกินหนึ่งแสน บาทแม้โจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นการโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเท่านั้น ไม่ใช่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับจำนองโดยตรงและถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านเป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลยตามความหมายของตาราง 1 ค่าขึ้นศาล แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมเรือน ๒ หลัง และสิทธิการเช่าโทรศัพท์ของจำเลยที่ ๑ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญากู้ รวมเป็นเงิน ๑,๒๘๒,๙๕๒.๙๘ บาทจำเลยที่ ๑ จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดเป็นประกันหนี้ดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย ผู้ร้องขอให้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยปลอดจำนอง ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองอันดับ ๑ พร้อมดอกเบี้ย และได้รับค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองและค่าทนายความจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด โดยผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละหนึ่งบาทของจำนวนทุนทรัพย์ที่ขอรับชำระหนี้
โจทก์ทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิในทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ที่ถูกยึด ค่าฤชาธรรมเนียมต่าง ๆ ไม่ถือว่าเป็นหนี้มีบุริมสิทธิตามคำร้องไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ เป็นหนี้ผู้ร้องอยู่จำนวนเท่าใดทั้งไม่ปรากฏการบอกกล่าวบังคับจำนอง และไม่แนบบัญชีเกี่ยวกับการเป็นหนี้ของจำเลยที่ ๑ คำร้องของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม ขอให้ยกคำร้อง
ในระหว่างพิจารณา ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์ ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ขอรับชำระหนี้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นและโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยปลอดจำนองและให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้ ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองพร้อมดอกเบี้ยค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้คืนค่าขึ้นศาลที่เรียกเพิ่มแก่ผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า กรณีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์มาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ ผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลในอัตราใดนั้น เห็นว่าคำร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองด้วย เมื่อจำเลยที่ ๑ ผู้จำนองไม่ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้าน ผู้ร้องก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง ๑ ข้อ (๑) (ค)ในอัตราร้อยละหนึ่ง แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท แม้โจทก์ทั้งสามจะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเท่านั้น ไม่ใช่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับจำนองโดยตรงและถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านเป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลย ตามความหมายของตาราง ๑ ค่าขึ้นศาล (ในเวลายื่นคำฟ้อง) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละสองครึ่งนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้คืนเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มจำนวน ๑๙,๒๔๕ บาทแก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share