คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้วันที่จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป ถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อวันที่จำเลยรับสภาพหนี้นั้นถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี เช่นนี้คดีโจทก์ก็ยังไม่ขาดอายุความ
การรับสภาพหนี้นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักฐาน แม้หนี้ที่มีหลักฐานสัญญากู้ยืมอยู่แล้วก็มีการรับสภาพหนี้กันได้
จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2496 และต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2501 จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้นั้นซึ่งเป็นฉบับท้ายฟ้องโจทก์ ดังนี้ เมื่อปราฏว่าโจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ซึ่งจำเลยก็ไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2496 ส่วนเดียวเท่านั้น ฟ้องโจทก์จึงหาใช่ฟ้องให้ชำระหนี้ส่วนอุปกรณ์ซึ่งมีหนี้ในส่วนทีเป็นประธานแต่อย่างใดไม่จะนำมาตรา 190 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้จำเลยต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความเรื่องเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ โดยจำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๙๖ และต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ จำเลยได้ทำหนังสือฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องให้โจทก์ไว้จริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยได้กู้เงินโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๙๖ ถึงวันฟ้อง คือ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๐๖ เป็นเวลาเกิน ๑๐ ปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและระยะเวลาที่ได้ล่วงไปก่อนนั้นย่อมไม่นับเข้าในอายุความ โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๐๖ ยังไม่เกิน ๑๐ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ที่จำเลยฎีกาว่าหนี้ที่จะต้องรับสภาพ ต้องเป็นหนี้ซึ่งไม่มีหลักฐานที่จะนำมาฟ้องนั้นเห็นว่าการรับสภาพหนี้ตามมาตรา ๑๗๒ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักฐาน เพราะมาตรา ๑๗๒ ไม่ได้ระบุไว้เลยว่าหนี้ที่จะรับสภาพหนี้ได้ต้องเป็นหนี้ที่ปราศจากหลักฐาน
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า สิทธิเรียกร้องในส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความแล้ว สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ส่วนอุปกรณ์ก็ต้องขาดอายุความด้วย ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ซึ่งจำเลยกู้ไปเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๙๖ ส่วนเดียว ไม่เป็นการฟ้องร้องให้ชำระหนี้ส่วนอุปกรณ์ซึ่งมีหนี้ในส่วนที่ประธานแต่อย่างใด จะนำมาตรา ๑๙๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share