คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการฟ้อง ร. กับ ส. เป็นจำเลย หาว่าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน และ ส. ฟ้อง ร. เป็นอีกสำนวนหนึ่งว่าทำร้ายร่างกายตน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาพิพากษา แล้วพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ ร. แต่โทษจำคุกให้รอไว้ ส่วน ส. นั้นก็ให้ลงโทษปรับ กับยกฟ้องคดีที่ ส. เป็นโจทก์ ส.แต่ผู้เดียวอุทธรณ์ทั้ง 2 สำนวน ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีที่ ส. เป็นโจทก์เหมือนกัน แต่ให้แก้โทษของ ร. เป็นไม่รอการลงโทษจำคุก ดังนี้ หาชอบไม่ เพราะคดีเฉพาะตัว ร. จำเลยในสำนวนที่อัยการเป็นโจทก์นั้นถึงที่สุดแล้ว

ย่อยาว

คดีหมายเลขดำที่ ๔๓๔/๒๕๑๐ (ของศาลชั้นต้น) นี้ ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาพิพากษากับคดีหมายเลขดำที่ ๔๔๐/๒๕๑๐
ในคดีดำที่ ๔๓๔/๒๕๑๐ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน เป็นเหตุให้ต่างได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ นายรุ่ง จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ
ส่วนคดีดำที่ ๔๔๐/๒๕๑๐ นายหีดหรือสมพร เหล่ามาก เป็นโจทก์ฟ้องนายรุ่ง มาชะนา เป็นจำเลย ในกรณีเดียวกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๒๙๗, ๑๗๒, ๑๗๓ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูล นายรุ่งจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาคดีสองเรื่องนี้ แล้วพิพากษาว่านายรุ่งจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้จำคุก ๔ เดือน และปรับ ๕๐๐ บาท รับสารภาพลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง จำคุก ๒ เดือน และปรับ ๒๕๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้ภายใน ๑ ปี ตามมาตรา ๕๖ ให้ปรับนายสมพรหรือหีดจำเลย ๒๕๐ บาท ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ และให้ยกฟ้องคดีที่นายหีดหรือสมพรเป็นโจทก์เสีย
นายหีดหรือสมพร โจทก์ในคดีดำที่ ๔๔๐/๒๕๑๐ และจำเลยที่ ๒ ในคดีดำที่ ๔๓๔/๒๕๑๐ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า นายรุ่งจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๙๕ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ให้จำคุก ๔ เดือน รับสารภาพ ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ เดือน ส่วนนายสมพรจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๙๑ ให้ปรับ ๒๐๐ บาท นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้งว่า ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจเพิ่มเติมโทษนายรุ่งจำเลย เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๒
นายรุ่ง มาชะนา จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนายรุ่งจำเลยนั้น เป็นการลงโทษในสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๔๓๔/๒๕๑๐ ของศาลชั้นต้น เมื่อคดีดังกล่าวนั้นพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีแต่นายหีดหรือสมพรจำเลยอุทธรณ์ คดีเฉพาะตัวนายรุ่ง มาชะนา จำเลยตามสำนวนนี้จึงถึงที่สุด จึงต้องห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย แม้นายหีดหรือสมพรในฐานะโจทก์สำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๔๔๐/๒๕๑๐ จะได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายรุ่งจำเลยในสำนวนนั้นมาด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้องของนายหีดหรือสมพรเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น จึงอ้างไม่ได้ว่านายหีดหรือสมพรอุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายรุ่งจำเลยเพิ่มขึ้นในคดีซึ่งพนักงานอัยการแต่ฝ่ายเดียวเป็นโจทก์ และเป็นคนละคดีที่นายหีดหรือสมพรเป็นโจทก์
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เฉพาะส่วนที่พิพากษาเพิ่มเติมโทษนายรุ่ง มาชะนา จำเลยที่ ๑ โดยให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share