คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาแปลสัญญา โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโอนทรัพย์โดยกล่าวว่าได้ตกลงราคากันแน่นอนแล้ว ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นสัญญาที่จะต้องไปกำหนดราคากันภายหลังแต่ภายหลังไปทำความตกลงราคากันไม่สำเร็จ ศาลต้องตัดสินยกฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้เนื่องจากศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินในการจำนองที่ดินแก่จำเลย ต่อมาโจทก์อ้างว่าจำเลยยอมรับโอนทรัพย์สินที่จำนองทั้งหมดเพื่อเป็นการชำระหนี้ แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา กลับให้เจ้าพนักงานกองหมายขายทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้งดการขายทรัพย์ และขอให้จำเลยรับโอนทรัพย์สินที่จำนองตามที่ตกลงกัน
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อคดีรายจำนองที่จำเลยฟ้องโจทก์ถึงที่สุด จำเลยได้จัดการนำยึดทรัพย์ที่โจทก์จำนองเพื่อขายทอดตลาด โจทก์จึงไปหาจำเลยและได้ตกลงทำหนังสือสัญญากันฉะบับหนึ่งมีข้อความว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมโอนทรัพย์สินซึ่งได้จำนองไว้กับบริษัทจำเลยเป็นจำนวนเงินไม่เกินกว่าในบัญชีซึ่งโจทก์เป็นหนี้ในการกู้ยืมจากบริษัทนี้ ต่อมา โจทก์ได้ไปหาจำเลยพูดกันถึงเรื่องจำนวนเงินที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลย โจทก์ว่าเมื่อจะโอนที่ดินให้จำเลย ก็ให้คิดราคาที่ดินนั้น ๕๔๐,๐๐๐ บาท ส่วนเงินที่ล้ำจำนวนโจทก์จะใช้ให้ จำเลยว่าโจทก์จะยอมขายทรัพย์สินให้เป็นราคา ๕๔๕,๐๐๐ บาทหรือไม่ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์กำหนดราคาทรัพย์สินซึ่งจะโอนกัน แต่ในที่สุดไม่ตกลงกัน จำเลยจึงจัดการยึดทรัพย์สินออกขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตีความในเอกสารว่า คู่สัญญามีเจตนาจะให้มีการกำหนดราคากันแน่นอนในภายหลังอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นสัญญามีเงื่อนไขบังคับก่อน เมื่อเป็นการตกลงราคากันในภายหลังไม่ได้ สัญญาจึงไม่มีผลตามมาตรา ๑๔๕ จำเลยมีสิทธิเอาทรัพย์ที่ยึดไว้ออกขายทอดตลาดต่อไปได้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าตามเอกสารสัญญาไม่มีตัวเลขแสดงจำนวนเงินซึ่งกำหนดราคาทรัพย์ไว้เลย แปลได้เพียงว่าราคาทรัพย์ที่โจทก์ตกลงจะโอนให้แก่จำเลยเป็นราคาไม่เกินบัญชี ซึ่งโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่ แต่จะให้ราคาทรัพย์นั้นมีค่าแน่นอนเป็นจำนวนเงินมากน้อยเท่าใดนั้นในเอกสารมิได้บ่งถึง เพราะฉะนั้นข้อที่โจทก์เถียงว่าสัญญารายนี้แปลความได้ว่า โจทก์ยอมโอนทรัพย์ให้จำเลยเป็นจำนวนเงินตามรายการที่ระบุไว้ในสัญญาจึงเป็นการเถียงฝืนข้อความในเอกสาร เมื่อคู่สัญญายังมิได้ตกลงราคาทรัพย์กันไว้แน่นอนประกอบทั้งข้อความในสัญญาส่อให้เห็นว่า คู่สัญญามุ่งจะไปตกลงราคากันภายหน้าด้วยดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่า ภายหลังคู่สัญญาจะตกลงราคากันอีกครั้งหนึ่งจึงเป็นการชอบแล้ว ส่วนข้อที่ว่าคู่สัญญาได้ไปทำความตกลงกำหนดราคากันสำเร็จหรือไม่นั้น ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังว่า คู่สัญญาไปทำความตกลงกันกำหนดราคากันไม่สำเร็จ คดีโจทก์จึงไม่มีทางชนะ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share