แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดที่จะสงเคราะห์เป็นลหุโทษ อันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้นั้น ต้องเป็นความผิดที่มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 100 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และฐานปลอมหนังสือราชการกับเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306(4), 304222, 223, 224, 225, 227, 63, 72 กับคืนโฉนดเลขที่ 160 หรือใช้เงิน 50,000 บาท แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษยังไม่เกิน5 ปีรับว่าเป็นความจริง
ศาลอาญาพิจารณาและพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษไม่เกิน 5 ปี ให้เพิ่มโทษจำเลยอีก 1 ใน 3 ตามมาตรา 72 รวมจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน และให้จำเลยคืนโฉนดเลขที่ 160 หรือใช้เงิน 50,000 บาทแก่เจ้าทรัพย์ ข้อหานอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์จะเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและปรึกษาคดีนี้แล้ว ปัญหาที่จะพิจารณาในชั้นนี้คงมีแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยเคยต้องโทษปรับ 40 บาทฐานเล่นไพ่ผ่องพนัน แล้วมากระทำผิดในคดีนี้อีกภายใน 5 ปี จะเพิ่มจำเลยฐานไม่เข็บหลาบตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 72 ได้หรือไม่ ซึ่งจำเลยเถียงว่าเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้เพราะจำเลยถูกปรับ10 บาท (ความจริง 40 บาท) ต้องสงเคราะห์เข้าในความผิดฐานลหุโทษนั้น เห็นว่า คดีที่สงเคราะห์เข้าอยู่ในคดีฐานลหุโทษนั้นจะต้องเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติกำหนดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเท่ากับคดีลหุโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 332 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่371/2468 ระหว่างกรมอัยการโจทก์ มหาดเล็กวิเศษ เปรมศรีภัยพ่ายจำเลย แต่โทษที่จำเลยถูกปรับฐานเล่นไพ่ผ่องนั้น ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 ทวิ บัญญัติระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับซึ่งมีโทษสูงกว่าคดีฐานลหุโทษ จึงสงเคราะห์เข้าในคดีฐานลหุโทษไม่ได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน