คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8677/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายด่าจำเลยว่าไอ้หน้าตัวเมีย และท้าทายจำเลยให้มาชกต่อยกัน จำเลยก็ได้พูดกับผู้ตายว่า อีกสักครู่จะมา อันเป็นการรับคำท้าทาย จำเลยและ ค. ไปขออาวุธปืนและกระสุนปืนที่ ค. ฝากไว้กับ ข. คือ ค. รับอาวุธปืนและกระสุนปืนคืนมาแล้วก็มอบให้จำเลยไป จากนั้นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ตามไปพบผู้ตายซึ่งเป็นเวลาห่างจากการพบกันครั้งแรกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยพูดกับผู้ตายว่าจำเลยไม่ใช่นักเลงแต่ก็ใช้ได้ก่อนที่จำเลยจะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงผู้ตาย เห็นได้ว่า จำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่า จะฆ่าผู้ตายหรือไม่ เมื่อจำเลยตามไปพบผู้ตายและได้โอกาสก็ยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุที่ผู้ตายเป็นฝ่ายหาเรื่องจำเลย ชวนทะเลาะวิวาทด่าจำเลยว่าไอ้หน้าตัวเมีย และยังท้าทายให้จำเลยชกต่อย ประกอบกับฎีกาของจำเลยรับว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 และให้มีผลถึงความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288, 289 (4) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายวินัย ชูอรัญ ผู้ตายถึงแก่ความตาย ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีเรื่องโกรธเคืองผู้ตายเนื่องจากจำเลยไม่ตอบคำถามผู้ตายที่ถามว่าเพื่อนที่จำเลยไปหามานั้นเป็นใครทำให้ผู้ตายด่าจำเลยว่าไอ้หน้าตัวเมีย และท้าทายจำเลยให้มาชกต่อยกันซึ่งจำเลยก็ได้พูดกับผู้ตายว่าอีกสักครู่จะมาอันเป็นการรับคำท้าทายแล้ว จำเลยและนายเคล้าไปขออาวุธปืนและกระสุนปืนที่นายเคล้าฝากไว้กับนายเขียนคืน นายเคล้ารับอาวุธปืนและกระสุนปืนคืนมาแล้วก็มอบให้จำเลยไป จากนั้นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ตามไปพบผู้ตายซึ่งเป็นเวลาห่างจากการพบกันครั้งแรกประมาณ 1 ชั่วโมง ในครั้งหลังนี้จำเลยได้พูดกับผุ้ตายว่าจำเลยไม่ใช่นักเลงแต่ก็ใช้ได้ก่อนที่จำเลยจะใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงผู้ตาย เห็นได้ว่า จำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าจะฆ่าผู้ตายหรือไม่ เมื่อจำเลยตามไปพบผู้ตายและได้โอกาสก็ยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุที่ผู้ตายเป็นฝ่ายหาเรื่องจำเลยชวนทะเลาะวิวาทด่าจำเลยว่าไอ้หน้าตัวเมีย และยังท้าทายให้จำเลยชกต่อย ประกอบกับฎีกาของจำเลยรับว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และให้มีผลถึงความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 (1) ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 4 เดือน และฐานพาอาวุธปืนจำคุก 4 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share