คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้นายหัดผู้เช่ารถโจทก์จะมีข้อสัญญารับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเช่าด้วยประการใดๆ ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างนายหัดกับโจทก์ ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์โดยตรง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ และเมื่อจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกจ้าง จำเลยที่ 2 จะอ้างเอาสัญญาระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยปราศจากความระมัดระวัง ชนรถโจทก์ซึ่งนายหัดเป็นผู้ขับ ขอให้จำเลยร่วมกันชำระเงิน ๑๑,๕๙๐ บาท ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ นำรถยนต์ไปใช้ในกิจส่วนตัวนอกทางการที่จ้างคนขับรถโจทก์เป็นฝ่ายประมาท ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๐,๐๙๐ บาท และดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดเพราะขับรถโดยประมาท และเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒
ปัญหามีว่า การที่นายหัดผู้เช่ารถโจทก์ได้มีข้อสัญญาตกลงกับโจทก์ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของนายหัด โจทก์จะมีสิทธิมาเรียกค่าสินไหมทดแทนเอาจากจำเลยได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า นายหัดผู้เช่ารถโจทก์จะมีข้อสัญญารับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเช่าด้วยประการใด ๆ ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างนายหัดกับโจทก์ ส่วนการที่ ๑ จำเลยที่ทำละเมิดต่อโจทก์โดยตรง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๑ ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ และเมื่อจำเลยที่ ๑ ได้กระทำไปในทางการที่จำเลยที่ ๒ จ้าง จำเลยที่ ๒ ย่อมต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้าง จำเลยที่ ๒ จะอ้างเอาสัญญาระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
พิพากษายืน

Share