คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพิพากษาคดีครั้งแรก ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิพากษาใหม่ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คณะเดิมย่อมทำคำพิพากษาใหม่ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับให้เปลี่ยนผู้พิพากษา
ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยคดีเดียวกันนี้ไว้ครั้งหนึ่งว่า แม้โจทก์จำเลยจะมีฐานะเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยหาได้ร่วมกัน โจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งส่วนของโจทก์ได้ การที่ศาลจะวินิจฉัยให้โจทก์จำเลยแบ่งทรัพย์สินกันในฐานะเจ้าของร่วม หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในเรื่องนี้ย่อมเป็นอันยุติ และศาลฎีกาได้พิพากษาให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ขอแบ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ แล้วให้พิพากษาใหม่ โจทก์จะฎีกาได้เฉพาะข้อที่ศาลฎีกาให้พิพากษาใหม่เท่านั้น จะรื้อฟื้นข้อที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้หรือข้ออื่นที่มิได้พิพากษาให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีกไม่ได้ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยประพฤตินอกใจโจทก์ไปได้หญิงอื่นเป็นภริยาอีกหลายคน และถูกฟ้องหย่าต้องแบ่งเงินให้ภรรยาอื่นไป เป็นเงินอันไม่ควรเสีย นับได้ว่าจำเลยประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ได้มีการระหองระแหงกันเรื่อยมา ต่อมาจำเลยละทิ้งโจทก์ไปอยู่กับภริยาอีกคนหนึ่ง และหาว่าโจทก์มีชู้ โจทก์ป่วยจำเลยก็เพิกเฉยไม่เอาใจใส่ดูแล และได้ขับไล่โจทก์ออกจากบ้านที่เคยอยู่ ขัดขวางไม่ให้โจทก์เก็บค่าเช่ามาใช้สอยอยู่กินดังเช่นเคย ใช้อุบายถ่ายเททรัพย์ที่เป็นสินสมรสเพื่อให้โจทก์หมดสิทธิแบ่งปัน ขอให้ศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกันและแบ่งทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง
จำเลยสู้ว่า โจทก์มิใช่ภริยาจำเลย ทรัพย์สินทั้งหมดจำเลยเป็นผู้ซื้อหามาโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะฟังว่าโจทก์มีหุ้นส่วนกับจำเลยในฐานะนางบำเรอ เมื่อทรัพย์สินที่โจทก์นำไปลงทุนในการค้าขาดทุน โจทก์ก็ต้องรับผิดด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรส ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภริยากัน ไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องหย่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมกัน ให้จำเลยแบ่งทรัพย์ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรส เมื่อฟังไม่ได้ว่าเป็นสามีภริยากัน ศาลก็ไม่ต้องพิจารณาเรื่องหย่าและแบ่งทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้แบ่งทรัพย์ในฐานะเป็นเจ้าของร่วม จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องขอแบ่งในฐานะเจ้าของร่วม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จำเลยจะมีฐานะเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยหาได้ร่วมกันก็อยู่ในเกณฑ์เป็นเจ้าของร่วมกันอยู่นั่นเอง โจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งส่วนของโจทก์ได้ การฟ้องเรียกชื่อทรัพย์ที่ขอแบ่งไม่ถูกต้องกับถ้อยคำในกฎหมาย จะถือเป็นเหตุยกฟ้องเสียทีเดียวไม่ชอบ การที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้โจทก์จำเลยแบ่งทรัพย์กันในฐานะเจ้าของร่วม หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ขอแบ่งแล้วพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้ส่วนแบ่งกึ่งหนึ่งตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าต้องคิดหักเงินที่จำเลยใช้หนี้ผู้อื่น และให้โจทก์แบ่งทรัพย์อีก ๘ รายการให้ด้วยนั้น โจทก์มิได้บรรยายว่าเป็นหนี้ใครเท่าใด และมิได้ฟ้องแย้งเข้ามา พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ในชั้นอุทธรณ์เคยนั่งพิจารณาพิพากษาคดีเดียวกันนี้มาแล้วในครั้งก่อนในชั้นอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาพิพากษาคดีที่กล่าวนั้นมิได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๑(๕) เมื่อพิพากษาคดีครั้งแรกแล้ว ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิพากษาใหม่ในข้อหนึ่งข้อใด ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คณะเดิมย่อมทำคำพิพากษาใหม่ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับให้เปลี่ยนผู้พิพากษา และเห็นว่า ศาลฎีกาได้วินิจฉัยคดีนี้ไปครั้งหนึ่งแล้วว่า แม้โจทก์จำเลยจะมีฐานะเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยหาได้ร่วมกันโจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งส่วนของโจทก์ได้ การที่ศาลจะวินิจฉัยให้โจทก์จำเลยแบ่งทรัพย์กันในฐานะเจ้าของร่วมหาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีนี้ย่อมเป็นอันยุติ ศาลฎีกาพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ขอแบ่งซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ แล้วให้พิพากษาใหม่ โจทก์ก็จะฎีกาได้เฉพาะข้อที่ศาลฎีกาให้พิพากษาใหม่เท่านั้น จะรื้อฟื้นข้อที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้หรือข้ออื่นที่มิได้พิพากษาให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่มาให้วินิจฉัยอีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๔ จึงไม่รับวินิจฉัย โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน ที่จำเลยขอให้หักเงินใช้หนี้จำเลยไม่ได้ให้การไว้ เรื่องอายุความจำเลยไม่สู้คดีไว้ และไม่มีทางจะเป็นลาภมิควรได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.

Share