คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในสัญญาจะเช่ามีว่าถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบห้องเช่าให้ผู้เช่าได้ก่อน กำหนดบ้างแล้วผู้เช่าจะชำระเงินกินเปล่าที่ค้างอีกครึ่งหนึ่งให้ ดังนี้ เมื่อผู้ให้เช่าได้จัดการส่งมอบห้องเช่าบางห้องให้ผู้เช่าอยู่ได้ก่อนกำหนดแล้ว ผู้เช่าก็ต้องชำระเงินกินเปล่าอีกครึ่งหนึ่งแก่ผู้ให้เช่าตามที่สัญญาไว้
ทำสัญญาให้เช่าเคหะโดยเรียกกินเปล่าโดยตอนเริ่มแรกเช่านั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกเงินค่ากินเปล่าอันเป็นการพิ่มค่าเช่า จึงไม่ขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า 2488 มาตรา 10,11
ศาลชั้นต้นกะประเด็นให้สืบพยานเฉพาะประเด็นข้อเดียวจำเลยประสงค์จะสืบพยานในประเด็นข้ออื่น แต่ก็หาได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ตาม ป.วิ.แพ่งม.226 จำเลยจะมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ จะขอสืบพยานในข้อนี้ก็ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๔ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าห้องแถวหมายเลข ๙๓๓,๙๓๕,๙๓๗,๙๓๙,๙๔๑,๙๔๓ ของโจทก์ โดยยอมเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์ ๒๓,๐๐๐ บาท ค่าเช่าห้องละ ๔๕ บาทต่อเดือน โดยโจทก์จะส่งมอบห้องให้จำเลยภายใน ๔๕ วัน จำเลยได้ชำระเงินค่ากินเปล่าแล้ว ๔,๐๐๐ บาท และสัญญาว่าถ้าโจทก์ส่งมอบห้องให้จำเลยได้บ้างก่อนกำหนดเวลาแล้ว จำเลยจะใช้เงินกินเปล่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ค้างอยู่ ต่อมาในเดือนธันวาคม ๒๔๘๔ โจทก์ได้จุดการมอบห้องให้จำเลยได้ ๒ ห้อง คือหมายเลข ๙๓๓-๙๓๕ จำเลยได้เข้าอยู่ตั้งแต่นั้นมา จำเลยได้ผ่อนชำระค่าเช่า ๓๐๐ บาท ยังค้างอยู่ ๒,๒๒๐ บาท ส่วนเงินกินเปล่าแก่โจทก์ โจทก์ทวงถาม จำเลยบิดพลิ้วไปต่าง ๆ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและบอกให้จำเลยชำระค่าเช่าและเงินกินเปล่าที่ค้าง จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงฟ้องขอเรียกพร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๙,๕๐๐ บาท กับดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาในข้อ ๓ มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ถ้านายฉอ้อนส่งห้องให้นายกุมารนายคู ได้บ้างก่อนเวลาดังกล่าว นายกุมารนายคู จะต้องจ่ายเงินให้นายฉอ้อนครึ่งจำนวนของเงินที่ค้างในข้อ ๓” ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ส่งมอบห้องเลขที่ ๙๓๓-๙๓๕ ให้จำเลยก่อนกำหนด ซึ่งจำเลยได้เข้าอยู่ตลอดมา จำเลยจึงมีหน้าที่ตามสัญญาจะต้องจ่ายเงินกินเปล่าแก่โจกท์ อีกครึ่งหนึ่งคือ ๙,๕๐๐ บาท
ข้อที่จำเลยคัดค้านว่า การเรียกเงินกินเปล่า เป็นการขัด พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ ๒๔๘๘ มาตรา ๑๐-๑๒ นั้น เรื่องนี้มิได้เรียกเงินกินเปล่าอันเป็นการเพิ่มค่าเช่า จึงไม่ต้องห้าม
ข้อที่จำเลยอ้างว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว สัญญาย่อมสิ้นสุดลง โจทก์จะเรียกค่ากินเปล่าไม่ได้นั้นตาม ก.ม. เมื่อเลิกสัญญากันแล้ว หน้าที่อันจะปฏิบัติไปตามสัญญานั้น เป็นอันระงับเลิก แต่สิทธิและหนี้ซึ่งบังเกิดหรือมีอยู่ตามสัญญานั้น จะต้องชำระแก่กันให้เสร็จนั้นไป เพื่อเข้าสู่สภาพเดิม
ส่วนข้อที่จำเลยค้านว่า ศาลชั้นต้นไม่สืบพยานจำเลยให้ข้อที่จำเลยต่อสู้ไว้ว่า โจทก์ไม่สามารถมอบห้องทั้ง ๖ ห้องให้จำเลยภายในกำหนดนั้น ปรากฏว่าในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกะประเด็นให้สืบพยานเฉพาะเรื่องเงิน ๓๐๐ บาท จำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งของศาลไว้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๒๖ ไม่ จำเลยจะมาโต้แย้ง ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ จึงพิพากษายืน

Share