คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการมีหน้าที่เก็บเงินตามบิลเชื่อของสโมสรทหารซึ่งเป็นส่วนราชการแล้วยักยอกไป ถ้าโจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏว่าสิ่งของที่สโมสรขายเชื่อนั้นจัดหาโดยเงินของทางราชการแล้ว จำเลยไม่ผิดมาตรา 131 คงผิดเพียงมาตรา 319(3) เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์แก้บทและกำหนดโทษของศาลชั้นต้น เป็นการแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนสามัญประจำการสังกัดกรมเสนาธิการทหารเรือ เป็นเจ้าหน้าที่การเงินของสโมสรกองโรงเรียนชุมพลทหารเรือ มีหน้าที่รักษาเก็บเงินลูกหนี้ของสโมสร จำเลยได้ยักยอกเงินซึ่งจำเลยเก็บจากลูกหนี้สโมสรไป4047 บาท 61 สตางค์ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131,319 จำเลยให้การปฏิเสธ ได้ความว่า ผู้บังคับบัญชาของจำเลยสั่งให้จำเลยเป็นผู้ช่วยเหรัญญิกสโมสรทำหน้าที่เก็บเงินตามบิลเชื่อของสมาชิกส่ง ม.เหรัญญิก

ศาลทหารกรุงเทพฯ ฟังว่า สโมสรดังกล่าวเป็นส่วนราชการพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131 แก้ไข 2484 มาตรา 3 ให้จำคุก 3 ปีและให้คืนเงิน

ศาลอาญากลางเห็นว่า จำเลยมิได้เป็นเจ้าพนักงานผู้เก็บรักษาเงินจำเลยเพียงแต่เป็นผู้รับมอบบิลเชื่อให้ไปเก็บเงินส่งเหรัญญิกจึงผิดเพียงฐานยักยอกในฐานมีหน้าที่เท่านั้น พิพากษาแก้ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือนตามมาตรา 319(3) นอกนั้นยืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลทหารกลางแก้บทและกำหนดโทษของศาลชั้นต้นเป็นการแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ส่วนปัญหาข้อกฎหมายคือถ้าเงินของสโมสรกองโรงเรียนชุมพลทหารเรือเป็นของทางราชการแล้วจำเลยก็ต้องผิดมาตรา 131(ฎีกาที่ 533/2485 และที่ 461/2491) แต่ ม.เหรัญญิกของสโมสรฯ พยานโจทก์ว่าเงินของสโมสรนี้ไม่ใช่เงินราชการ จริงอยู่ราชนาวิกสภาเป็นหน่วยราชการขึ้นอยู่ในกรมเสนาธิการทหารเรือ แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ได้ความว่า สิ่งของสโมสรที่ขายเชื่อให้แก่สมาชิกนั้นจัดหาโดยเงินของราชนาวิกสภา จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นเงินของราชการจำเลยไม่ผิดมาตรา 131 คงผิดมาตรา 319(3) และกำหนดโทษพอสมควรแก่ความผิดของจำเลยแล้ว

พิพากษายืน

Share