คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2499 จำเลยต่างทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 295 กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256, 254

จำเลยที่ 1 ปฏิเสธต่อสู้ว่าป้องกันตัว

จำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหา

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผู้เดียวผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ซึ่งเป็นคุณกว่ากฎหมายลักษณะอาญา ให้ปรับ 30 บาท และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1

โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 จำคุก 5 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนคือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมากศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เช่นนี้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายเพียงใดก็ได้นั้นจะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 กระทำข่มเหงในบริเวณวัด ซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชน จำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้า และแค้นเคืองเป็นอย่างมาก จึงถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง สมควรลงโทษจำเลยให้น้อยลงได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ให้น้อยลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share