แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง เมื่อข้อหาความผิดตามที่โจทก์ฟ้องมิใช่ข้อหาความผิดซึ่งกฎหมายบังคับให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง เพราะมีโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปี มิใช่โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนอยู่ในกระบอกเข็มฉีดยาของกลางไว้ในครอบครองจริง แม้เฮโรอีนดังกล่าวจะมีปริมาณจำนวนเล็กน้อยไม่สามารถชั่งหรือคำนวณหนักได้ ก็ไม่มีกฎหมายยกเว้นว่าการมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในปริมาณดังกล่าวไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 58, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 58, 67, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานเสพมอร์ฟีน จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยเสพมอร์ฟีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมด้วยกระบอกเข็มฉีดยา 1 อัน ซึ่งมีคราบเฮโรอีนติดอยู่เป็นของกลาง โดยข้อหาความผิดฐานเสพมอร์ฟีนเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อข้อหาความผิดตามที่โจทก์ฟ้องมิใช่ข้อหาความผิดซึ่งกฎหมายบังคับให้ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง เพราะมีโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปี มิใช่โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนอยู่ในกระบอกเข็มฉีดยาของกลางไว้ในครอบครองจริง แม้เฮโรอีนดังกล่าวจะมีปริมาณจำนวนเล็กน้อยไม่สามารถชั่งหรือคำนวณน้ำหนักได้ ก็หามีกฎหมายยกเว้นว่าการมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในปริมาณดังกล่าวไม่เป็นความผิดไม่ ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยคดีในเรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานไว้หลายเรื่องแล้วตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2163/2530 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายธนัญจำเลยและคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2491/2531 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นายวินัยจำเลย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอบตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 มาตรา 19 และมาตรา 26 ยกเลิกความในมาตรา 15 มาตรา 67 และมาตรา 91 แห่งพระราชาบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนโดยในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ทั้งตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน และเงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับแก่จำเลยในส่วนนี้ ส่วนกำหนดโทษตามมาตรา 67 นั้น กฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใด สำหรับความผิดฐานเสพมอร์ฟีนนั้น บทกำหนดโทษตามมาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใดเช่นกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 57, 67 (ที่แก้ไขใหม่), 91 (ที่แก้ไขใหม่) ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี อีกกระทงหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว จำคุก 6 เดือน รวมกับโทษฐานเสพมอร์ฟีนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีก 3 เดือน เป็นจำคุก 9 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์