แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะก็ดี แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ผู้ขายมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบที่พิพาทให้ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย ก็ฟังได้ว่าผู้ขายได้สละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่พิพาทต่อไป การครอบครองของผู้ขายสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ซื้อได้รับโอนการครอบครอง ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่พิพาทนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 , 1378 แล้ว ผู้ขายจะมาฟ้องเรียกที่พิพาทคืนไม่ได้
โจทย์ฟ้องว่าขายฝาก จำเลยสู้ว่าขายขาด ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขายขาดข้อกฎหมายก็ฟังได้ดังกล่าวข้างต้น จึงควรฟังคำพยานให้ข้อเท็จจริงได้ความก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับไถ่การขายฝากที่ดินของโจทก์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์
จำเลยสู้ว่า โจทก์ได้ทำหนังสือขายฝากที่สวนไว้จริง แต่ได้ยกเลิกและทำสัญญาขายขาดให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยได้ปกครองในฐานะเป็นเจ้าของมาจนบัดนี้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาขายฝากกันเองเป็นโมฆะ จำเลยครอบครองที่พิพาทมาโดยอาศัยอำนาจของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของจะอ้างครอบครองปกปักษ์ไม่ได้ ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ขายขาดที่พิพาทให้ แม้จะจริงก็ทำหนังสือสัญญากันเอง เป็นโมฆะ จำเลยครอบครองที่พิพาทมายังไม่เกิน ๑ ปี ไม่ได้สิทธิครอบครอง ที่อ้างว่าโจทก์ยกที่ให้ ก็ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ยกให้เกิน ๑ ปี จำเลยไม่ได้สิทธิครอบครอง ให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์ และรับเงินค่าไถ่ถอน ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีพิพาทระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ผู้โอนมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง ถ้าผู้โอนสละเจตนาครอบครอง การครอบครองก็ย่อมสิ้นสุดลง ผู้รับโอนย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๗. ๑๓๗๘ ไม่ต้องจดทะเบียนตามมาตรา ๑๒๙๙ ผู้ครอบครองเดิมจะกลับใจมาฟ้องร้องเอาคืนไม่ได้แม้ภายใน ๑ ปี เพราะไม่ใช่การรบกวนหรือแย่งการครอบครอง เป็นคนละกรณีกับเรืองนิติกรรมเป็นโมฆะ ตามมาตรา ๔๕๖ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังจำเลยให้การต่อสู้ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นเสียก่อน พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานของทั้งสองฝ่ายต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เพียงแต่ขายฝากที่พิพาทแล้วมอบให้จำเลยเก็บดอกผลแทนดอกเบี้ย ไม่ได้สละเจตนาครอบครองนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งยังมิได้มีการพิจารณา ไม่มีประเด็นวินิจฉัย คดีนี้จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยเด็ดขาดและส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยครอบครอง ถ้าเป็นความจริงแล้ว แม้การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นโมฆะก็ดี แต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์มีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อโจทก์ได้ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายก็ฟังได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครอง ไม่ยึดถือที่พิพาทต่อไป การครอบครองของโจทก์สิ้นสุดแล้ว จำเลยได้รับโอนการครอบครอง ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่พิพามนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๗, ๑๓๗๘ แล้วโจทก์จะมาฟ้องเรียกที่พิพาทคืนไม่ได้ ข้อเท็จจริงแห่งคดียังโต้เถียงกันอยู่
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์ .