คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่า คู่ความตกลงท้ากันสืบพยานคนกลางไว้แล้ว ฝ่ายหนึ่งขอถอนคำท้าขอดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คู่ความตกลงสืบพยานร่วมคนเดียว หากพยานร่วมให้การเจือสมฝ่ายใด ก็ให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี โดยคู่ความสละสิทธิไม่สืบพยานอื่นต่อไป ต่อมาโจทก์ขอถอนคำท้าอ้างว่า โจทก์ไม่มั่นใจว่าพยานร่วมจะให้การตรงไปตรงมา ศาลไม่อนุญาต และสืบพยานร่วมไปแล้ว พิพากษาให้จำเลยชนะคดี โจทก์ขอให้ศาลพิจารณาใหม่ศาลไม่เห็นสมควรให้พิจารณาใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่งมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว และได้แจ้ง ส.ค.1 ไว้ด้วย จำเลยทั้งสองได้นำผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่อำเภอมารังวัดเพื่อจะเอาที่ดินของโจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้ว่า นาพิพาทมิใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลย โจทก์เคยอาศัยทำกินในที่พิพาท และไม่เคยครอบครองนาพิพาทในฐานะเจ้าของเลย ขอให้ยกฟ้อง

โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลสืบพยานคนกลางเพียงคนเดียวถ้าพยานเบิกความเจือสมฝ่ายใด ให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี โดยคู่ความสละสิทธิไม่สืบพยานอื่นต่อไป

ต่อมาโจทก์ขอถอนคำท้าขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาตามรูปคดีศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา

ศาลชั้นต้นสืบพยานตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่าคำเบิกความของพยานเจือสมข้อต่อสู้ของจำเลย จึงพิพากษาให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลย ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำท้าและดำเนินการสืบพยานคนกลางแล้วพิพากษานั้น ชอบแล้ว พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ฎีกาโจทก์มีปัญหาข้อกฎหมายว่าคู่ความตกลงท้ากันสืบพยานคนกลางไว้แล้ว ฝ่ายหนึ่งขอถอนคำท้า ขอดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้หรือไม่ ให้รับฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคู่ความตกลงท้ากันสืบพยานร่วมแล้ว ฝ่ายหนึ่งขอถอนคำท้า ขอดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคู่ความตกลงสืบพยานร่วมคนเดียว หากพยานร่วมให้การเจือสมฝ่ายใด ก็ให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี โดยคู่ความสละสิทธิไม่สืบพยานอื่นต่อไป ต่อมาโจทก์ขอถอนคำท้าอ้างว่าโจทก์ไม่มั่นใจว่าพยานร่วมจะให้การตรงไปตรงมา ศาลไม่เห็นสมควรที่จะให้มีการพิจารณาใหม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share