คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4573/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัด ได้นำเช็คหมาย จ.8 แลกเอาเงินไปจากโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินบริษัทดังกล่าวจึงมอบเช็คพิพาทซึ่งห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้โจทก์โจทก์จึงนำเช็คพิพาทไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนงแต่เช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องจำเลยทั้งสอง กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตและมีมูลหนี้ต่อกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์สจำกัด โดยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้นำเช็คเอกสารหมาย ล.7 ไปชำระแก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์สจำกัด หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คพิพาทแล้ว ย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นความรับผิดต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ดังนั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายลดเช็คพิพาทได้ชำระเงินตามสัญญาขายลดเช็คพิพาทแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้ว ได้รับเช็คพิพาทกลับคืนมาโจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โดยรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาพระโขนง ในการฟ้องให้จำเลยทั้งสองให้รับผิดตามเช็คพิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัดนำเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสะพานขาว จำนวนเงิน 100,000 บาทซึ่งเป็นเช็คของห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราสำคัญของห้างจำเลยที่ 1มาชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์สลักหลังเช็คดังกล่าวขายลดให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงต้องชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 111,985 บาทให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด และรับเช็คกับใบคืนเช็คกลับคืนมาโจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็ค แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดใช้เงิน 111,985 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดจากต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่ธนาคารถึงวันฟ้องอีก 2,500 บาท รวมเป็นเงิน114,485 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 114,485 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดจากต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยทั้งสองได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด แล้ว โจทก์ได้สมคบกับบริษัทดังกล่าวฉ้อฉลไม่ยอมคืนเช็คให้จำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน100,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 19มีนาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่า บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัดนำเช็คหมาย จ.8 แลกเอาเงินไปจากโจทก์ แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามหลักฐานใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.9บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด จึงได้มอบเช็คพิพาทและเช็คอีก 2 ฉบับ ซึ่งห้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามเช็คหมาย จ.8 โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แต่เช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง ตามหลักฐานเอกสารหมาย จ.10 แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด โดยสุจริต และมีมูลหนี้ต่อกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วได้โอนขายให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง ไป หาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยทั้งสองไม่ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้นำเช็คหมาย ล.7 ไปชำระแก่บริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแล้วย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นความรับผิดต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีเช็คพิพาทที่เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถืออยู่ในครอบครอง ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายลดเช็คพิพาทแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ได้ชำระเงินตามสัญญาขายลดเช็คแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้วได้รับเช็คพิพาทกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โดยรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ในการฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทได้ กรณีหาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ ห้างจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่ายเงินตามเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดในหนี้ของห้างจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเป็นการชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share