แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อน โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยในคดีนี้และบุคคลอื่น ระหว่างคดี จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกและได้เอาทรัพย์มรดกให้คนเช่า แล้วศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์โจทก์มาฟ้องจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อเรียกเอาค่าเช่าทรัพย์มรดกตามส่วนที่โจทก์ได้รับแบ่งในคดีเรื่องก่อนได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของนางสังวาลย์ สุกใส จำเลยได้เอาที่นามรดกให้บุคคลอื่นเช่ามีค่าเช่าคงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกรายนี้จนศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งแล้ว โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยแบ่งค่าเช่านาให้ตามส่วนเป็นเงิน 25,274 บาท 18 สตางค์
จำเลยทั้งสามให้การว่าเก็บค่าเช่าได้จริง แต่โจทก์มีส่วนได้เพียง 20,635 บาท 44 สตางค์ จำเลยได้แบ่งปันเงินให้ทายาทของนางสังวาลย์ สุกใสไปหมดแล้ว และฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งเลขแดงที่ 103/2502 ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกเรียกทรัพย์มรดกศาลได้วินิจฉัยจนได้จัดการแบ่งทรัพย์สินกันเรียบร้อยแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ 20,635 บาท 44 สตางค์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 103/2502 โจทก์จำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนายสอน นางสังวาลย์ ในระหว่างคดีนั้นผู้จัดการมรดกได้เอาทรัพย์มรดกให้คนเช่า ได้ค่าเช่ามาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ครั้นศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์ที่พิพาทกันนั้น โจทก์จึงมาฟ้องเรียกดอกผลของทรัพย์พิพาทตามส่วนที่ควรได้ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะดอกผลนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขแดงที่ 103/2502 แล้วขณะยื่นฟ้องคดีนั้นโจทก์ไม่อาจทราบได้ว่าทรัพย์มรดกที่โจทก์ฟ้องจะเกิดดอกผลได้อย่างใดเท่าใด ทรัพย์เหล่านั้นอยู่ในความดูแลจัดการของจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อปรากฏว่าทรัพย์มรดกเกิดดอกออกผลขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะต้องแบ่งปันให้แก่ทายาทตามส่วนแต่สำหรับค่าขึ้นศาล ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยควรใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เพียงเท่าจำนวนเงินที่โจทก์ชนะ
จึงพิพากษาแก้เฉพาะเรื่องค่าขึ้นศาล