คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86-88/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คโดยระบุวันเวลาที่จำเลยออกเช็ค กับวันที่โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์และว่าธนาคารตามเช็คนั้นปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้จะไม่ได้ระบุวันที่ธนาคารปฏิเสธก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลห้างหุ้นส่วนมีนายธงชัย โชคจินดา จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและมีอำนาจลงชื่อประทับตราแทนห้างจำเลยทั้งสองซื้อเครื่องบันทึกความเร็วจากโจทก์แล้วออกเช็คให้โจทก์เป็นการชำระหนี้หลายฉบับ กล่าวคือ

ตามสำนวนคดีดำที่ 3337/2510 เมื่อระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2510 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2510 เวลากลางวันก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัด หมายเลข ดี/5 599767 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2510 สั่งจ่ายเงิน 357,840 บาท วันที่ 18 กรกฎาคม 2510 โจทก์นำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ธนาคารมิตซุย จำกัด เพื่อให้ธนาคารมิตซุยจำกัดติดต่อขอรับเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัด แต่ปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าเกินข้อตกลงที่ให้ไว้กับธนาคาร ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 โดยนายธงชัย โชคจินดา และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถรับเงินตามเช็ค เหตุเกิดที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอพระโขนงและที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร

ตามสำนวนคดีดำที่ 3338/2510 เมื่อระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์2510 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2510 เวลากลางวันก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดรวม 3 ฉบับ หมายเลข ดี/5 599772 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2510 สั่งจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาท หมายเลข ดี/5 599786 ลงวันที่ 24 เมษายน 2510 สั่งจ่ายเงินจำนวน 50,000 บาท หมายเลข ดี/5 599788 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2510 สั่งจ่ายเงินจำนวน 51,379 บาท 50 สตางค์ วันที่ 18 กรกฎาคม 2510 โจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ธนาคารมิตซุย จำกัด เพื่อให้ธนาคารมิตซุย จำกัด ติดต่อขอรับเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัด แต่ปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าเกินข้อตกลงที่ให้ไว้กับธนาคาร ทั้งนี้โดยตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 โดยนายธงชัย โชคจินดา กับจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถรับเงินตามเช็คได้ เหตุเกิดที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอพระโขนง และที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร

ตามสำนวนคดีดำที่ 3541/2510 เมื่อระหว่างวันที่ 17 มกราคม 2510ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 เวลากลางวันก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดหมายเลข ดี/5 733595 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2510 สั่งจ่ายเงิน 51,880 บาท หมายเลข ดี/5 733596 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2510 สั่งจ่ายเงิน 150,000 บาท วันที่ 7 สิงหาคม 2510 โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ธนาคารมิตซุย จำกัด เพื่อให้ธนาคารมิตซุยจำกัดติดต่อขอรับเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัด แต่ปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าเกินข้อตกลงที่ให้ไว้กับธนาคารทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 โดยนายธงชัย โชคจินดา กับจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถจะรับเงินตามเช็คได้ เหตุเกิดที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอพระโขนง และที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร

ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามสำนวนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

จำเลยทั้งสามสำนวนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเช็คที่จำเลยออกให้โจทก์เป็นเช็คของนายธงชัยจำเลยที่ 2 นายธงชัยจำเลยไม่ได้ออกเช็คในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดธงชัยขนส่ง ห้างหุ้นส่วนจำกัดธงชัยขนส่งจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วม นายธงชัยจำเลยที่ 2 ออกเช็คชำระราคาของโดยเจตนาจะไม่ (ให้) มีการใช้เงินตามเช็คเพราะเงินของจำเลยในธนาคารไม่มี จำเลยที่ 2 จึงต้องมีความผิดพิพากษาว่านายธงชัย โชคจินดา จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุกนายธงชัยจำเลยไว้สำนวนละ 6 เดือน ให้ยกฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดธงชัยขนส่งจำเลยที่ 1 ทั้งสามสำนวน

นายธงชัยจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ทั้งสามสำนวน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายธงชัยจำเลย ที่ 2 ฎีกาทั้งสามสำนวน

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมาสู่ศาลฎีกาตามที่ศาลสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องของโจทก์ทั้งสามสำนวนเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจำเลยกล่าวอ้างว่าวันที่ธนาคารกรุงเทพฯ จำกัดปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุนั้นโจทก์มิได้ระบุเวลากระทำผิดไว้ทั้งสามสำนวน

ได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าฟ้องโจทก์ทั้งสามสำนวนได้บรรยายถึงวันเวลาที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์โดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และระบุถึงวันที่โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์ในธนาคาร มิตซุยจำกัด เพื่อให้ติดต่อขอรับเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัด แต่ปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาพาหุรัดปฏิเสธการจ่ายเงินข้อความในฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงได้ระบุถึงวันเวลาที่จำเลยออกเช็ค อันเป็นวันที่จำเลยเริ่มต้นกระทำการอันจะก่อให้เกิดความผิด และความผิดได้เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้โจทก์ไม่ได้ระบุวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็ตาม ก็เป็นการเพียงพอที่ถือได้ว่าโจทก์ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาเกิดเหตุซึ่งการกระทำผิดเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฟ้องของโจทก์ทั้งสามสำนวนจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนยกฎีกาจำเลยที่ 2

Share