แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนในใบแต่งทนายเมื่อมีผู้นำใบแต่งทนายนั้นไปให้ทนายทำคำร้องยื่นต่อศาลความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหายจึงไม่มีผู้เสียหายจึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อนายโล่นนายเพ็ง นายเถิง ผู้เสียหายในใบแต่งทนายความในฐานะเป็นผู้ร้องขอให้ศาลจังหวัดสกลนครไต่สวนและสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดสกลนครในเขตเลือกตั้งอำเภอวานรนิวาสเป็นไปโดยมิชอบแล้วจำเลยได้ใช้ใบแต่งทนายความดังกล่าวนั้น โดยมอบให้นายสุชาติขาวสะอาดทนายความยื่นต่อศาลจังหวัดสกลนคร พร้อมกับคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบโดยประสงค์จะให้นายสุชาติ ขาวสะอาด และศาลจังหวัดสกลนครหลงเชื่อว่า ผู้เสียหายเป็นผู้ร้องขอต่อศาล การกระทำของจำเลยกับพวกน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย นายสุชาติ ศาลจังหวัดสกลนครและประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๘และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ ๓๖๗/๒๕๑๑ เพราะจำเลยเป็นจำเลยคนเดียวกัน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานว่าจำเลยสมคบกับพวกปลอมลายเซ็นชื่อผู้เสียหายทั้ง ๓ ในใบแต่งทนาย และฟังว่านายคำ ปานแก้วหลานนายโล่นและเป็นบุตรเขยนายเถิงผู้เสียหายเป็นผู้เซ็นชื่อแทนโดยผู้เสียหายยินยอมเพื่อตนจะได้มีสิทธิเลือกตั้งใหม่ จึงไม่ผิดฐานปลอมหรือใช้เอกสารปลอม พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักจะฟังว่าจำเลยสมคบกับผู้ใดปลอมลายเซ็นชื่อผู้เสียหายทั้ง ๓ และฟังได้เป็นยุติว่านายคำ ปานแก้วเซ็นชื่อแทนผู้เสียหายทั้ง ๓ แต่ตามคำของผู้เสียหายทั้ง ๓ มิได้ยอมให้เอาชื่อมาร้องต่อศาลดังจำเลยอ้าง จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ ให้จำคุก ๖ เดือนให้ยกฟ้องฐานปลอมเอกสาร ส่วนข้อที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาดำที่ ๓๖๗/๒๕๑๑ ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในข้อนี้ และไม่ได้ความว่าคดีดังกล่าวเป็นประการใด จึงนับโทษต่อไม่ได้
จำเลยฎีกาฝ่ายเดียว
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อหาฐานปลอมเอกสารเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อหาว่าจำเลยจะมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมหรือไม่นั้นข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่านายคำ ปานแก้ว เป็นผู้เซ็นชื่อแทนผู้เสียหายทั้งสามที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายรู้เห็นยินยอมให้เซ็นชื่อแทนได้เพื่อเอาไปร้องต่อศาลขอให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้นเห็นว่า แม้ผู้เสียหายยินยอมให้เซ็นชื่อแทนได้ก็ต้องถือว่าเป็นลายเซ็นชื่อปลอมอยู่นั่นเอง เมื่อจำเลยนำใบแต่งทนายไปให้นายสุชาติทนายความแสดงต่อศาลพร้อมคำร้อง ก็ต้องถือว่าจำเลยได้ใช้เอกสารปลอมเฉพาะส่วนที่มีลายเซ็นชื่อของผู้เสียหาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าความจริงผู้เสียหายทั้ง ๓ ได้รู้เห็นยินยอมให้นายคำเซ็นชื่อแทนเพื่อร้องต่อศาล ฉะนั้นความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหายในเรื่องนี้จึงไม่มีและนายโล่น นายเถิง นายเพ็ง จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายในเรื่องนี้
แต่สำหรับความเสียหายที่จะมีแก่ศาลผู้รับคำร้องไว้ไต่สวนการพิจารณาต่อไปนั้นเป็นที่เห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลได้ในการรับคำร้องส่วนที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอม โดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทน จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘มีโทษตามมาตรา ๒๖๔ ซึ่งบัญญัติโทษไว้ ๓ สถาน เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในคดีนี้ที่มิใช่เรื่องแกล้งร้องเท็จต่อศาล แต่เป็นความจริงที่ราษฎรในหมู่บ้านวังบงถึง ๑๔๐ หลังคาเรือนต่างใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้เลยจนคนเดียว ประกอบกับผู้เสียหายก็ยินยอมให้คนของตนเซ็นชื่อแทนเพื่อร้องเรื่องการเลือกตั้ง และจะใช้สิทธิเลือกตั้งของตนตามกฎหมายแล้วศาลฎีกาเห็นสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบา
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ปรับจำเลยหนึ่งพันบาทนอกจากนี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์