คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรและยาสูบนั้นไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย กับการที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้เพื่อขายเป็นการกระทำที่มีเจตนาในผลอย่างเดียวกัน คือ การหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 4, 19, 24, 44,49, 50 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบของกลางทั้งหมดเป็นของกรมสรรพสามิต
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ กับพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา4, 19, 24, 44, 49, 50 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ปรับ43,312.72 บาท จำคุก 1 ปีลงโทษฐานมีบุหรี่ยังมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 49 ปรับ 67,600 บาท ลงโทษฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งบุหรี่ต่างประเทศที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 50 ปรับ 101,400 บาทรวมเป็นจำคุก 1 ปี ปรับ 212,312.72 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 106,156.36 บาท ริบของกลางทั้งหมด ไม่ชำระค่าปรับกักขังแทน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เพียงบทเดียว จำคุก 1 ปีปรับ 43,312.72 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 21,656.36 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด 3 กรรมตามฟ้อง มิใช่กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตามกฎหมายและยาสูบนั้นไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย กับการที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้เพื่อขาย เป็นการกระทำที่มีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือ การหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น สำหรับที่โจทก์ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น พิเคราะห์ลักษณะความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษให้จำเลยเป็นการเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
พิพากษายืน”.

Share