แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่าระหว่างเวลาที่ศาลชั้นต้นในคดีก่อนรอการลงโทษจำคุก จำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้อีก ศาลที่พิพากษาในคดีหลังต้องนำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีก่อนเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ ศาลก็ต้องนำโทษจำคุก ที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตาม ป.อ. มาตรา 58 วรรคแรก กรณีมิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะกฎหมายบัญญัติให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังด้วย และมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ หรือ มาตรา ๓๕๗ และให้จำเลยทั้งสองคืนดิสเบรกหน้าหรือใช้ราคา ๓,๗๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ให้จำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก ให้จำคุก ๒ ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑ ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนดิสเบรกหน้าหรือใช้ราคา ๓,๗๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖ เดือน ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๓ เดือน บวกโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๓๙/๒๕๔๐ ของศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๙ เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ ราคาดิสเบรกหน้าเป็นเงิน ๑,๗๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ บวกโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๓๙/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๒ นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ วรรคแรก บัญญัติว่า “เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา ๕๖ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี” เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานสืบเสาะและพินิจซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านให้จำเลยฟังตาม พระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๓ แล้ว จำเลยที่ ๒ ไม่คัดค้าน เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานนั้นว่าศาลจังหวัดพิษณุโลกมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๓๙/๒๕๔๐ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๐ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด ๖ เดือน ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๓ เดือน ต่อครั้ง มีกำหนด ๑ ปี ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง ให้แล้วเสร็จ ใน ๑ ปี ปรากฏว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับ ข้อเท็จจริงจึงปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่าระหว่างเวลาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกรอการลงโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๓๙/๒๕๔๐ จำเลยที่ ๑ ได้กระทำความผิดนี้อีก ศาลที่พิพากษาในคดีหลังต้องนำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ก็ตาม ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ก็ต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๓๙/๒๕๔๐ ของศาลจังหวัดพิษณุโลกมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามมาตรา ๕๘ วรรคแรก และกรณีนี้มิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะ กฎหมายบัญญัติให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังด้วย และกรณี มิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .