คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีผู้ทำละเมิดให้เสียหายแก่อสังหาริมทรัพย์ในขณะที่เจ้าของทรัพย์ยังเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นอยู่แม้ภายหลังได้โอนทรัพย์นั้นให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ก็ยังมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ผู้ทำละเมิดนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกวค่เสียหายจากจำเลย เพราะเหตุที่จำเลยทำให้สวนผลไม้และท่อระบายน้ำของโจทก์เสียหาย จำเลยปฏิเสธ ในชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความรับว่า ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้โอนที่พิพาทให้แก่คนอื่นไปแล้ว จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔ ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ เพราะโอนที่ให้ผู้อื่นไปแล้ว ก็ไม่ใช่ผู้เสี่ยหาย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนว่าการละเมิดที่จำเลยกระทำขึ้นอันเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายนั้น เกิดขึ้นในระห่างที่โจทก์ยังเป็นเจ้าของที่พิพาทอยู่ จึงต้องถือว่าจำเลยกระทำการละเมิดต่อโจทก์โดยตรง โจทก์อยู่ในฐานที่จะฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตลอดมา การที่โจทก์โอนที่พิพาทไปภายหลังนั้น ไม่ลบล้างอำนาจของโจทก์ที่มีอยู่แล้ว ให้ศูนย์เสียไป จึงพิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share