คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยถูกคุมขังตามอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเป็นการควบคุมตามอำนาจหน้าที่ของสถานพินิจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494. ไม่เข้าอยู่ในบทวิเคราะห์ศัพท์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(21) และ(22) และไม่ใช่การ’คุมขัง’ตามมาตรา 1(12)แห่งประมวลกฎหมายอาญาฉะนั้นการหลบหนีไปจากการควบคุมของสถานพินิจจึงไม่ถือว่าเป็นการหลบหนีการควบคุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 และฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ขอให้ริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 และ 72 ให้ปรับ 1,000 บาทลดตามมาตรา 78 คงปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวไปควบคุมในสถานพินิจเป็นเวลา 6 เดือน ให้ยกข้อหาฐานหลบหนีที่คุมขังเพราะจำเลยอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางไม่ถือว่าจำเลยหลบหนีที่ควบคุมหรือคุมขังตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนฯ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนเห็นว่า การที่จำเลยหลบหนีการควบคุมของสถานพินิจ ไม่เป็นความผิดฐานหลบหนีการควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ส่วนที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72และริบปืนกับกระสุนปืนของกลางด้วยนั้น เห็นว่า แม้การกระทำของจำเลยขณะที่ฟ้องจะเป็นความผิดและศาลได้พิพากษาลงโทษแล้วก็ตามแต่ขณะอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ให้ไม่ต้องรับโทษต้องถือว่าในระยะ 90 วัน กฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหามีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียด้วย ปืนและกระสุนของกลางไม่ริบ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยถูกคุมขังตามอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง เป็นการควบคุมตามอำนาจหน้าที่ของสถานพินิจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ไม่เข้าอยู่ในบทวิเคราะห์ศัพท์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(21) และ (22) และไม่ใช่การ “คุมขัง” ตามมาตรา 1(12) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฉะนั้นการหลบหนีไปจากการควบคุมของสถานพินิจ จึงไม่ถือว่าเป็นการหลบหนีการควบคุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190และตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2506 มาตรา 11 แสดงให้เห็นว่าการหลบหนีการควบคุมของเด็กและเยาวชนนั้นกฎหมายไม่เอาโทษ อย่างมากเพียงสั่งเพิ่มกำหนดเวลาที่ต้องฝึกอบรมเพื่อให้มีโอกาสขัดเกลานิสัยนานขึ้นเท่านั้น ส่วนข้อหาฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นและเป็นความผิดต่างกรรมคนละกระทงคนละพระราชบัญญัติกับความผิดที่อุทธรณ์ขึ้นมา ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นอันยุติแล้ว ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในการพิพากษาโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และข้อริบของกลาง ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้นี้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share